ตร.ทท.เชียงใหม่ บุกเข้าค้นบริษัททัวร์นอมินีจีน 2 แห่งกลางเมืองเชียงใหม่ หลังกลุ่มผู้ประกอบการทัวร์ร้องเรียนว่า ขายทัวร์ราคาถูกกว่าท้องตลาด ขณะที่เจ้าของบริษัทออกมาโต้ ไม่ได้เป็นนอมินีของจีน และการขายได้ถูกเพราะเป็นเทคนิคการขายแต่ละบริษัท ส่วนอีกบริษัทเจ้าของชาวจีนได้ติดรูปคู่กับนายกฯ ไว้กลางออฟฟิศ...
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ต.ค. 60 พ.ต.ต.พิษณุ เตรียมดี สว.บก.ทท.เชียงใหม่ พร้อม ตร.ทท. ตร.ตม.ช.ม. สรรพากรเชียงใหม่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมการท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ สนง.ทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว สนธิกำลังนำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ ค604 /2560 ลงวันที่ 10 ต.ค. 60 เข้าตรวจค้นที่บริษัท ซีเอ็มพาราไดซ์ทัวร์ จำกัด เลขที่ 11/9 ถ.ศรีดอนไชย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการทัวร์ในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ถูกบริษัทดังกล่าวขายทัวร์ในเชียงใหม่ และทัวร์ไนต์ซาฟารี ให้กับชาวจีนผ่านทางเว็บไซต์เถาเป่าในราคาถูกกว่าท้องตลาด ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจทัวร์หลายร้อยรายได้รับความเดือดร้อน และเกรงว่าบริษัทดังกล่าวจะเป็นบริษัทนอมินีของชาวจีน อย่างไรก็ตาม เพื่อตัดปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทางตำรวจท่องเที่ยวจึงร่วมกันประชุมวางแผนกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบริษัทในครั้งนี้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่มาถึงได้แสดงหมายค้นให้กับ น.ส.อัญชลี วิทยานันทพรกุล และเข้าตรวจค้น มีพนักงานคนไทยกำลังทำงานอยู่ในบริษัท 8 คน กำลังคีย์ข้อมูลลูกค้าทัวร์ชาวจีนอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงสั่งให้ลุกจากโต๊ะคอม และเข้าตรวจค้นจัดเก็บข้อมูลทางเอกสารการติดต่อกับลูกค้าทัวร์จีนเอาไว้ทั้งหมด เพื่อนำไปตรวจสอบ
...
พ.ต.ต.พิษณุ เตรียมดี สว.บก.ทท.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ก่อนที่จะเข้าตรวจค้นบริษัททัวร์ในจังหวัดเชียงใหม่ทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากทางตำรวจท่องเที่ยวได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการทัวร์ในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า บริษัททัวร์แห่งนี้เข้าข่ายทำทัวร์นอมินีของจีน มีการจำหน่ายตั๋วเข้าชมเชียงใหม่ไนต์ซาฟารีบนเว็บไซต์จีนในราคาที่ถูกกว่าที่อื่น วันนี้จึงขออนุญาตศาลจังหวัดเชียงใหม่ ขอหมายค้นเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ก็พบตั๋วการเข้าชมของเชียงใหม่ไนต์ซาฟารีจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดในบริษัทไปสอบสวน ที่ บก.ทท.เชียงใหม่ เพื่อหาความผิดต่อไป
ด้าน น.ส.อัญชลี เผยว่า ตนเองได้ขออนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และวันนี้ ตนก็เป็นคนเชิญให้ตำรวจท่องเที่ยวมาตรวจสอบบริษัทของตนว่า มีมาตรฐานการทำงาน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการทัวร์อย่างถูกต้อง และรู้ถึงกระบวนการการทำงาของบริษัทเรา ซึ่งขอยืนยันว่าบริษัทของเราไม่ได้เป็นนอมินีของจีน และยืนยันว่าเป็นคนไทย ส่วนเรื่องการขายตั๋วเข้าชมไนต์ซาฟารีบนเว็บไซต์เถาเป่าในประเทศจีน ที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาดนั้น ถือว่าเป็นกระบวนการขายของเว็บไซต์ทางเมืองจีน และเป็นเทคนิคการขายแต่ละบริษัท ซึ่งบริษัทเราก็ไม่เกี่ยวข้องว่าเทคนิคแต่ละบริษัทเขาจะขายอย่างไรบ้าง และตนก็ไม่มีส่วนในเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย เพราะบริษัทเราไม่มีเว็บไซต์เป็นของตนเอง เราเป็นเพียงซัพพลายเออร์ทำทัวร์ที่เชียงใหม่ เหมือนบริษัททัวร์อื่นๆ เหมือนกัน ซึ่งลูกค้าของบริษัทเราส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจีน และตนก็เป็นลูกครึ่งไทยจีนด้วย จึงขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ และพร้อมจะให้ทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบกระบวนการทำงานของเราอย่างเต็มที่
จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นที่ ไทยซิงหย่าโจวทัวร์(ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 371/40 ถนนวงแหวนรองกลาง ต.ท่าศาลา พบว่าภายในบริษัทมีภาพถ่ายของ นายอุดม จวง เจ้าของชาวจีน นำภาพถ่ายที่ถ่ายคู่กับ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. มาติดแขวนไว้ที่ผนัง ระหว่างตรวจค้นมีพนักงานคนไทย 6 คน กำลังทำงานอยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดทำงาน และเข้าตรวจสอบเอกสารสำคัญรายรับ-รายจ่ายของบริษัททั้งหมด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ย่านรัชดา เขตห้วยขวาง กทม.
จากการสอบถามพนักงาน ทราบว่าผู้จัดการชื่อ อาปิง เป็นชาวจีน วันนี้ไม่อยู่ เดินทางไปทำธุระที่บริษัทแม่ที่กรุงเทพฯ ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอกสารการทำธุรกรรมทางการเงิน และแผนการทำทัวร์ในจังหวัดเชียงใหม่ ไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป.