ลุ้นขออัพราคาสินค้าเกษตร สอท.ชิ่งตอบนำเข้าถ่านหิน ทนายโอ๊คประท้วงดีเอสไอ

“บิ๊กตู่” หารือ “ทรัมป์” ชื่นมื่นต้อนรับอบอุ่น เผยผู้นำมะกันให้เกียรติ ไม่ข่มขู่กดดัน ถก การค้าการลงทุน ความมั่นคง ก่อการร้าย อ้อนขอสหรัฐฯอัพราคาสินค้าไทย พร้อมแจงโรดแม็ปเลือกตั้ง ปีหน้าจะประกาศวันเลือกตั้ง ขณะที่ “ทรัมป์” เล็งขายสินค้าให้ไทยเพิ่ม แอมเนสตี้จี้สหรัฐฯรุกคืบแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในไทย ส.อ.ท. ชิ่งตอบนำเข้าถ่านหินจากสหรัฐฯ นักวิชาการชี้ช่วยผ่อนแรงกดดัน “บิ๊กป้อม” ตั้งแท่นจ่อซื้อยุทโธปกรณ์สหรัฐฯ ทบ.เล็งจัดซื้อ ฮ. 6 ลำ ย้ำมีกลุ่มหัวรุนแรงจ้องป่วนงานราชพิธี “ศรีวราห์” ระบุสอบสวนสุดซอยกรณีพา “ยิ่งลักษณ์” หนี คาดได้ผลดีเอ็นเอภายใน 1-2 วัน เลขาฯศาลยุติธรรมยันคำพิพากษาไม่รั่วไหล ทนาย “โอ๊ค” ยื่นหนังสือท้วงดีเอสไอไม่ผิดฟอกเงิน “ไพสิฐ” เผยจ่อออกหมายจับ ถ้า 24 ต.ค. เจ้าตัวไม่มา

ภารกิจการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นไปอย่างราบรื่น มีการหารือกันเฉพาะผู้นำและแบบเต็มคณะ ถกความร่วมมือหลายด้าน โดยนายกฯได้ชี้แจงถึงโรดแม็ปเลือกตั้งของประเทศไทยด้วย

“บิ๊กตู่” หารือ “ทรัมป์” ต้อนรับอบอุ่น

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่า 11 ชั่วโมง) ที่ทำเนียบประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯ เดินทางเข้าพบหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมีนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สัมผัสมือทักทายกับ พล.อ.ประยุทธ์เพื่อเป็นการต้อนรับต่อหน้าสื่อมวลชน ที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบขาว ก่อนจะเดินทางเข้าไปหารือกันที่ห้องรูปไข่แบบสองต่อสองบวกสอง โดยมีภริยาของสองฝ่ายร่วมหารือด้วย สำหรับการหารือมีหลายประเด็นทั้งด้านความมั่นคง ภัยคุกคาม และประเด็นที่มีความสำคัญในภูมิภาค รวมถึงการค้าการลงทุน การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ภายใต้ความสัมพันธ์ที่ยาวนานเกือบ 200 ปี และอย่างเป็นทางการ 184 ปี นอกจากนี้ ระหว่างหารือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์กราดยิงผู้คนที่เกิดขึ้นที่ลาสเวกัส และภัยพิบัติพายุเฮอริเคน โดยเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำพาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้การคลี่คลายปัญหาเป็นไปด้วยดีและรวดเร็ว พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ชื่นชมสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งไทยพร้อมให้การสนับสนุน เพราะให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ด้อยโอกาส

...

ผู้นำมะกันมั่นใจศักยภาพไทย

ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีและคณะ สหรัฐฯพร้อมขยายความร่วมมือทางด้านการค้าระหว่างกัน เพราะเห็นว่าไทยมีศักยภาพด้านทรัพยากรต่างๆ และวัตถุดิบ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯนั้น ตนจะไปเยี่ยมผู้ประสบเหตุพายุเฮอร์ริเคนในวันที่ 3 ต.ค. และจะเดินทางไปลาสเวกัสเพื่อติดตามเหตุการณ์กราดยิงผู้คนในวันที่ 4 ต.ค.

เผยประทับใจต้อนรับอบอุ่น

จากนั้นเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้นำ ครม. ประกอบด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และ พล.อ.อุดมเดช สีตะ–บุตร รมช.กลาโหม เข้าหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน หรือ working Lunch แบบเต็มคณะกับคณะของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังถึงการเยือนสหรัฐฯเพื่อพบปะประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งนี้ว่า เป็นการเยือนของผู้นำประเทศไทยในรอบ 12 ปี รู้สึกประทับใจในการต้อนรับของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่เป็นไปอย่างอบอุ่น ผู้นำสหรัฐฯได้แสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงของโลก และครองราชย์มายาวนานถึง 70 ปี

ให้เกียรติไม่กดดัน เชิญเยือนไทย

พล.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับการหารือกันแบบสองต่อสองนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายคาดหวังว่าจะมีความร่วมมือกันให้มากขึ้นในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคงภายในประเทศและในภูมิภาค การค้าการลงทุน ในระหว่างการหารือไม่ได้ถูกกดดันใดๆ ประธานาธิบดีสหรัฐฯให้เกียรติกับตนและประเทศไทย จึงถือโอกาสนี้เชิญผู้นำสหรัฐฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อมีโอกาส ส่วนการหารือแบบเต็มคณะนั้น ได้พูดคุยกันในรายละเอียดถึงการเสริมสร้างความมั่นคงภายในและในภูมิภาค ทั้งการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงภัยในโลกไซเบอร์

อ้อนขอให้อัพราคาสินค้าเกษตรไทย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ในการหารือยังได้ พูดคุยกันถึงการค้าและการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ขณะเดียวกันได้ฝากผู้นำสหรัฐฯดูแลนักลงทุนไทยกว่า 20 บริษัทที่มาลงทุนในสหรัฐฯ และสิ่งที่ได้เน้นย้ำในการพูดคุยคือ ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรเพื่อหามาตรการในการเพิ่มราคาให้มากขึ้น ถือเป็นการดูแลเกษตรของไทย ส่วนกรณีที่บางฝ่ายมีความเป็นห่วงเรื่องการตกลงซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์นั้นไม่ต้องกังวล เพราะการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามแผนพัฒนากองทัพในระยะ 5-10 ปี ที่ต้องมาพิจารณาว่าจะจัดซื้อยุทโธปกรณ์ใดจากสหรัฐฯได้บ้าง รวมทั้งต้องดูในเรื่องงบประมาณ ขณะเดียวกันได้ขอให้สหรัฐฯดูแลเรื่องคุณภาพที่สูง ในราคาที่จำกัด

ยันปมโสมแดงว่าตามพันธกรณี

ผู้สื่อข่าวถามถึงการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์เกาหลีเหนือ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ได้ยืนยันกับผู้นำสหรัฐฯว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามพันธกรณี รวมถึงยืนยันความพยายามที่จะดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในภูมิภาค โดยเฉพาะปัญหาในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา โดยสนับสนุนให้แก้ปัญหาภายในให้ได้โดยเร็ว และได้มีการประสานกับผู้นำเมียนมาไปแล้ว

แจ้ง “ทรัมป์” ปีหน้าประกาศวันเลือกตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถือว่าผลสรุปการเยือนเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเราเป็นมิตรมายาวนาน ในขณะที่เรามีปัญหา มีข้อจำกัดมากมาย แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ให้เกียรติ เรามองปัญหาเดียวกันคือ จะทำอย่างไรเพื่อให้คนที่เข้าไม่ถึงโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในการพบปะหารือกันในครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯไม่ได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย แต่ตนได้เล่าให้ฟังถึงการเดินหน้าประเทศไทยว่าเป็นไปตามหลักสากล โดยจะเดินตามโรดแม็ปที่ประกาศไว้ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง และในปีหน้าจะประกาศวันเลือกตั้งอย่างแน่นอน

นำนักธุรกิจสานสัมพันธ์ลงทุนค้าขาย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศการให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ เป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ยังได้มีโอกาสพูดคุยกับนางอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวชักชวนให้นางอิวานกา ทรัมป์ บินมาดูงานด้านการแก้ไขค้ามนุษย์ที่ประเทศไทย สำหรับบริเวณหน้าทำเนียบขาวมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หลังเกิดเหตุกราดยิงผู้คนระหว่างชมคอนเสิร์ตในลาสเวกัส เมื่อวันที่ 1 ต.ค. โดยมีการตรวจตราขั้นสูงสุด และใช้สุนัขดมกลิ่นอุปกรณ์เครื่องมือของสื่ออย่างละเอียด ก่อนที่จะเข้าไปภายในทำเนียบขาว ช่วงค่ำวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นตัวแทนนำภาคเอกชนของไทยพบปะกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารเย็นที่สภาธุรกิจอาเซียนสหรัฐฯ และสภาการค้าสหรัฐร่วมเป็นเจ้าภาพ ถือเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันมูลค่าการค้าการลงทุนของสองประเทศให้เพิ่มมากขึ้น

เผยสหรัฐฯจ่อลดขาดดุลการค้าไทย

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจการเดินทางเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ว่า ระหว่างการหารือนายทรัมป์ได้บอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า สหรัฐฯต้องการลดตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯที่มีต่อไทย ซึ่งเมื่อปีที่แล้วขาดดุลการค้าต่อไทยมากถึง 18,900 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 623,700 ล้านบาท ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศกำลังมีความสำคัญมากขึ้น และประเทศไทยเป็นประเทศเยี่ยมยอดที่สหรัฐฯทำการค้า คิดว่าพวกเรา (สหรัฐฯ) กำลังพยายามขายสินค้าให้คุณ (ไทย) เพิ่มอีกหากจะเป็นไปได้ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกกับนายทรัมป์ว่า ปีหน้า พวกเราจะประกาศวันเลือกตั้งทั่วไป

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ระบุด้วยว่า การพบหารือระหว่างผู้นำสหรัฐฯและไทยถือว่าเป็นวาระพิเศษ แสดงว่าสหรัฐฯให้ความ สนใจนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษ เพราะหากพวกเราไม่ดี พวกเขาคงไม่เชิญมา

จี้สหรัฐฯแก้สิทธิมนุษยชนในไทย

วันเดียวกัน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการสหรัฐฯให้ส่งเสริมการร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางเยือนทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลทหารของไทยใช้อำนาจกดขี่และละเมิดสิทธิประชาชนอย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่รัฐประหาร เมื่อปี 2557 เป็นต้นมา มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก รวมถึงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักศึกษา นักข่าว นักวิชาการ ผู้ที่ออกมาต่อต้านการคอร์รัปชันและการทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดจนชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องสิทธิชุมชนและกลุ่มชาติพันธุ์ หลายคนถูกตั้งข้อหาอย่างไม่เป็นธรรม และมีจำนวนไม่น้อยที่ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมองว่าความล้มเหลวในการแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในท้ายที่สุด

ส.อ.ท.ชิ่งตอบนำเข้าถ่านหิน

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส.อ.ท.มองว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทย เพราะจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างหอการค้าสหรัฐฯกับหอการค้าไทย ที่ต้องติดตามดูต่อไปว่าจะมีความร่วมมือเรื่องใดเกิดขึ้นตามมาบ้าง ส่วนเรื่องที่สหรัฐฯจะให้ไทยนำเข้าถ่านหินจากสหรัฐฯ ตนยังไม่มีข้อมูลในเรื่องดังกล่าว จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้

ชี้ผ่อนแรงกดดันดุลการค้า

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวว่า การที่สหรัฐฯจะให้ประเทศไทยนำเข้าถ่านหินจากสหรัฐฯ ต้องดูที่ราคาที่สหรัฐฯจะขายให้กับประเทศไทย ซึ่งสหรัฐฯอาจลดราคาขายให้ถูกที่สุดเพื่อเหตุผลทางการค้าหรือด้านอื่นๆ เพราะระยะทางการขนส่งจากสหรัฐฯมายังประเทศไทยค่อนข้างไกล หากลดราคาขายถ่านหินให้ไทยเท่ากับราคาที่ขายให้ประเทศคาซัคสถานและยูเครน ก็จะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพื่อแลกกับต้นทุนค่าขนส่ง หากถามว่าถูกต้องหรือไม่กับการที่ไทยต้องนำเข้าถ่านหินดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะประเทศไทยก็นำเข้าถ่านหินอยู่แล้ว ทั้งจากอินโดนีเซียและออสเตรเลีย การซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯจะทำให้ฝ่ายไทยลดหรือผ่อนแรงกับปัญหาที่ไทยได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ ที่สหรัฐฯหยิบขึ้นมาต่อรองกับประเทศไทย

“บิ๊กป้อม” เผยจ่อซื้อยุทโธปกรณ์สหรัฐฯ

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาว่า เป็นการวางแผนของกองทัพตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาตามงบประมาณที่ได้รับ แต่พอรัฐบาลชุดนี้เข้ามาสหรัฐฯเขาไม่ซื้อขายกับเรา ทำให้ประเทศ ไทยต้องไปซื้ออาวุธที่อื่น แต่ตอนนี้สามารถกลับมาซื้อได้แล้ว ทางการสหรัฐฯจึงเอาของเดิมออกมาให้ซื้อขาย อาทิ เฮลิคอปเตอร์โจมตี เพราะที่เราซื้อมาจากประเทศอื่นนั้นเหลือชั่วโมงบินน้อยแล้ว จึงต้องพิจารณากันอีกครั้ง ส่วนจะพิจารณาซื้อในช่วงใดนั้นตนไม่รู้ ทางกองทัพบกจะกำหนดตามงบที่ได้ เป็นเรื่องของหน่วยเท่านั้นที่จะต้องดำเนินการ รัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้อง รัฐบาลให้แต่งบประมาณที่หน่วยขอมาอันไหนให้ได้ก็ให้ อันไหนให้ไม่ได้ก็ไม่ให้

ทบ.รับลูกเล็งจัดซื้อ ฮ.โจมตี 6 ลำ

แหล่งข่าวจากกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตรเปิดเผยถึงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีจากสหรัฐอเมริการุ่นคอบบร้า เพื่อเข้าประจำการทดแทน ฮ.เดิมเตรียมปลดประจำการว่า ขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกแบบเฮลิคอปเตอร์โจมตีเพื่อนำมาทดแทนเครื่องเก่าซึ่งหมดอายุการใช้งานและเตรียมปลดประจำการ จากนั้นจะตั้งโครงการและกำหนดวงเงิน เสนอให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาเพื่อส่งต่อให้ ครม.อนุมัติ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนการจัดหาเหมือนเช่นโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ทั่วไปมาทดแทน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้เลือกว่าต้องเป็นของสหรัฐฯหรือไม่

“บิ๊กป้อม” ย้ำ ก.ม.ลูกเสร็จมีเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ยืนยันกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะมีการประกาศวันเลือกตั้งในปี 61 ว่าเรื่องการเลือกตั้งตอบมาหลายครั้งแล้ว ในส่วนของวันเลือกตั้ง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกเมื่อไรยังไม่มีใครรู้ แต่เมื่อกฎหมายลูกเสร็จนับต่อไปอีก 150 วันแล้ว วันนั้นจะเป็นวันเลือกตั้ง เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการประกาศชัดเจนใช่

หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้เป็นคนคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อถามว่า ปัจจัยหนึ่งที่อาจจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนได้คือ การคว่ำกฎหมายลูกของ สนช. พล.อ.ประวิตรตอบอย่างมีอารมณ์ว่า เอาเป็นว่ากฎหมายลูก 4 ฉบับ เมื่อทำเสร็จจะมีการเลือกตั้ง ตอนนี้อยู่ในขั้นตอน สนช.ยังพิจารณาไม่เสร็จ และไม่ใช่ว่า คสช.จะอยากอยู่หรือไป มันไม่เกี่ยว อย่ามาพูดอย่างนี้ วันนี้ไม่มีความในใจอะไรที่ต้องพูด ทุกอย่างยืนยันทำตามโรดแม็ป รวมทั้งการพิจารณาเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำ กิจกรรมได้ ต้องให้กฎหมายลูกแล้วเสร็จ

ยันมีกลุ่มหัวรุนแรงจ้องป่วน

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า กรณีที่ออกมาระบุว่าในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 จะมีกลุ่มป่วนสถานการณ์นั้น มีกลุ่มเคลื่อนไหวหลายกลุ่มจากหลายประเทศ โดยใช้วิทยุ และเฟซบุ๊ก ในการเคลื่อนไหวทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึงกลุ่มที่อยู่ในประเทศ ซึ่งกลุ่มที่เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มหัวรุนแรงไม่มีการเมือง เมื่อถามถึงความคืบหน้าการประสานกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกี่ยวกับการป้องกันกลุ่มเคลื่อนไหวในประเทศของเขา พล.อ.ประวิตรตอบว่า มีการพูดคุยกันแล้ว เขาพยายามลดการดำเนินการในพื้นที่เขาลง อย่างเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการสื่อสารออกมาได้แค่นาทีเดียวก็ถูกตัด ส่วนกรณีเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กนั้น ป้องกันไม่ได้ คงต้องมีการพูดคุยกันต่อไป แต่ประเทศลาวให้การสนับสนุนดีเท่าที่ควร

กรธ.เร่งยกร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง ความคืบหน้าการจัดทำร่างกฎหมายลูกว่า ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) เสร็จแล้ว ในเนื้อหาได้เพิ่มให้มีอำนาจไต่สวน แทนการทำงานแบบคณะอนุกรรมการ ให้จัดหลักสูตรอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเหมือนตำรวจ แล้วเมื่อมีอำนาจมากขึ้นก็กำหนดให้โทษของ ป.ป.ช.มากขึ้นเป็น 2 เท่าด้วย ทั้งนี้ บุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถส่งความเห็นกลับมาได้ ตรงไหนแก้ได้จะแก้ให้ ตรงไหนไม่ปรับแก้จะชี้แจง ส่วนวันที่ 3 ต.ค. จะเริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. จากนั้นจึงต่อด้วยร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ส.ส. กำหนดส่งให้ สนช.พิจารณาตามเดิม แต่ยอมรับว่าเฉียดฉิว

ปัดมีเกมคว่ำ ก.ม.ลูกขยายโรดแม็ป

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยืนยันกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า จะระบุวันเลือกตั้งภายใน 150 วัน ตามโรดแม็ปในปี 2561 ทาง กรธ. และ สนช. จะมี หลักประกันว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุในการพิจารณากฎหมายลูก นายมีชัยตอบว่า กรธ.ไม่ได้ชุ่ย ระหว่างนี้ได้ประสานกับ สนช.ที่ศึกษาร่างกฎหมายลูกควบคู่กันตลอด ถ้าจะมีอุบัติเหตุที่ สนช. ต้องไปถาม สนช. ไปเดาใจคนอื่นไม่ได้ แต่ขอเดาว่าไม่คว่ำ กรธ.ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่จะไปทำอะไรกับ สนช.ได้ เมื่อถามถึงการลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยสมาชิก สปช. เมื่อปี 2558 แล้วนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาเปิดเผยภายหลังว่า คสช.อยากอยู่ยาว นายมีชัยตอบว่า กรธ.ไม่ได้คิดแบบนั้น เมื่อไม่ได้คิดก็ตอบไม่ได้ แล้วเมื่อดูจากท่าทางของนายกฯตอนนี้ จะพบว่าเหนื่อยล้าเต็มที

“ศรีวราห์” ยันสอบสวนสุดซอยแล้ว

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเหลือพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวว่า ในส่วนการดำเนินของตน เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 พ.ต.ท.สามิตร ไชยอิ่นคำ สว.กก.สส.ภ.จ.นครปฐม และ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ผบ.หมู่ อก.บก.ภ.จ.นครปฐม หมดประเด็นแล้วเหลือในส่วนของ บช.น.มีด้วยกัน 2 ส่วน คือด้านวินัย และคดีอาญา จากนี้ทั้ง 3 นาย ต้องไปแก้ข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนหรือที่ฝ่ายวินัย ส่วนการติดตามรถเบนซ์ รถกระบะ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 อยู่ระหว่างการดำเนินการไม่ต้องห่วงจะต้องหาให้เจอ สำหรับผลการตรวจดีเอ็นเอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ภายในรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ กองพิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้แจ้งมา ถ้าดีเอ็นเอระบุชัดมีพยานหลักฐาน ตนจะให้ฝ่ายสืบสวนไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ในประเด็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกส่วนหนึ่ง สำหรับการขอหมายแดงไปทางตำรวจสากล ได้เซ็นขออนุมัติเมื่อวันที่ 1 ต.ค. จากนี้อยู่ที่ตำรวจสากลพิจารณาว่าจะออกให้ได้หรือไม่ การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นเรื่องของพนักงานอัยการ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการไปจนหมดแล้ว

คาดได้ผลดีเอ็นเอ “ยิ่งลักษณ์” 1-2 วัน

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 14.00 น. ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น. ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 มีรายงานว่า หลังจาก พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้ส่งหนังสือชี้แจงให้คณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการร่วมประชุมกันแล้วมีมติให้รอผลการตรวจดีเอ็นเอ น.ส.ยิ่งลักษณ์เปรียบเทียบกับรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ ว่าดีเอ็นเอตรงกันหรือไม่ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาก่อนพิจารณาความผิดทางวินัยและอาญา พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์โดยคาดว่าผลตรวจสอบดีเอ็นเอจะเสร็จสิ้นภายใน 1-2 วัน หลังจากได้รับผลตรวจดีเอ็นเอแล้ว คณะคณะกรรมการก็จะนัดประชุมเพื่อสรุป ชี้มูลผิดทั้งอาญาและวินัย จากนั้นเสนอความเห็นผู้บังคับบัญชาพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้เบื้องต้นคณะกรรมการมีความเห็นว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์มีความผิดทางวินัย และอยู่ระหว่างพิจารณาว่า เป็นความผิดทางวินัยร้ายแรงหรือไม่ โดยมีโทษขั้นถึงให้ออกจากราชการ ทั้งนี้ความผิดอาญาจะส่งไปที่ ปปช. ส่วนความผิดทางวินัยส่งไปที่ บก.น.5 ให้ดำเนินการต่อไป

ยันคำพิพากษาไม่มีการรั่วไหล

นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการศาลยุติธรรม แถลงถึงกรณีมีข่าวทำนองว่ามีสื่อมวลชนแห่งหนึ่งทราบผลคำพิพากษาล่วงหน้า ในคดีพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า การคาดเดาโดยสื่อเขียนล่วงหน้าไปและผลออกมาตรง ก็มีความเป็นไปได้ แต่ขอยืนยันว่าคำพิพากษาคดีดังกล่าวไม่ได้รั่วไหลไปจากศาล เพราะศาลมีมาตรฐานในการเก็บรักษาความลับ มีการ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีการเรียกบุคลากรสื่อไปสอบสวน และไม่มีการกระทำใดที่เป็นการละเมิดอำนาจศาล เพราะการละเมิดอำนาจศาลถ้าหากมี ก็จะเป็นกรณีเขียนข่าวโน้มน้าวศาลให้พิพากษาไปตามแนวทางที่ถูกโน้มน้าวมากกว่า ส่วนกระแสความคิด ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่เพิ่งประกาศใช้ เป็นการเพิ่มภาระแก่จำเลยกรณีที่ต้องมาแสดงตัวในการยื่นอุทธรณ์ และขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ก่อนหน้านี้ในชั้นผ่านกฎหมายในสนช.อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมที่เป็นตัวแทนของศาล ได้แสดงจุดยืนคัดค้านไม่เห็นด้วย แต่เมื่อมีกฎหมายออกมาก็ต้องปฏิบัติตาม

ทนาย “โอ๊ค” ยื่นหนังสือท้วงดีเอสไอ

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความนายพานทองแท้ ชินวัตร เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ระงับการแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำเนินการออกหมายเรียกนายพานทองแท้มารับทราบข้อกล่าวหาคดีรับเช็ค 10 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท เนื่องจากเข้าชี้แจงคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะพยานแล้ว น่าจะผิดแค่ข้อหารับของโจร ไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน จึงขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษระงับการสอบสวนคดีที่คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีไปแล้ว และขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้กลับไปเป็น ปปง.เหมือนเดิม เพราะมองว่าการทำงานของดีเอสไอไม่เป็นธรรม และเฉพาะเจาะจงแต่นายพานทองแท้ในการแจ้งข้อหา โดยมี พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอมารับหนังสือ

เจ้าตัวยังไม่ได้รับหมายเรียก

นายชุมสายกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือเรียก แต่ยืนยันหากได้รับหนังสือ นายพานทองแท้จะมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง ส่วนจะขอเลื่อนการเข้าพบยังไม่ระบุ ขอให้ได้หนังสือเรียกก่อน

ด้าน พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า หลังรับหนังสือจะรีบส่งมอบให้พนักงานสอบสวนพิจารณาข้อกฎหมาย ส่วนการเปลี่ยนพนักงาน สอบสวนจากดีเอสไอเป็น ปปง.ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นคดีอาญาจึงเป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ส่วน ปปง.รับผิดชอบในส่วนคดีแพ่งเท่านั้น

จ่อออกหมายจับถ้า 24 ต.ค.ไม่มา

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เผยว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่ต้องออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและนำหลักฐานมาชี้แจง ตามที่คณะพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาพบวันที่ 24 ต.ค. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับการ ตอบรับจากนายพานทองแท้ว่าจะเข้าพบตามหมายเรียกหรือไม่ หากวันที่ 24 ต.ค. นายพานทองแท้ไม่มาพบพนักงานสอบสวนหรือขอเลื่อน พนักงานสอบสวนจะพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็นก่อน และจะพิจารณาไปตามกระบวนการออกหมายเรียกและหมายจับตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการส่งสำนวนต่ออัยการ ให้ยื่นฟ้องศาลทันในอายุความที่จะหมดช่วงปลายปี 2561 แน่นอน ยืนยันว่าคดีอื่นๆดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่เพียงคดีนี้คดีเดียว

“บิ๊กป้อม” การันตีไม่เก็บภาษีน้ำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวคิดเก็บภาษีน้ำตามร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่เคยมีแนวคิดในการเก็บเงิน เพราะในปัจจุบันสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย และเมื่อวันที่ 2 ต.ค. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว ยืนยันช่วงนี้ไม่มีแน่นอน ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังดำเนินการอยู่ ขอให้พิจารณาก่อน

สนช.ซัดการเมืองบิดเบือน ก.ม.

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ที่ถูกวิจารณ์เรียกเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกรว่า ขอยืนยันจะไม่มีการเก็บเงินค่าใช้น้ำจากเกษตรกรและชาวนา เจตนาของกฎหมายต้องการเก็บเงินค่าใช้น้ำจากภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรายใหญ่ และร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ยังต้องใช้เวลาพิจารณาเพราะต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีการบิดเบือนเพื่อสร้างประโยชน์ในสถานการณ์การเมือง

แนะทำประชาพิจารณ์เคลียร์คัต

นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงข้อวิตกกังวลการเก็บภาษีน้ำตามร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำว่า ขณะนี้ดูตามร่างยังไม่มีการกำหนดอะไรที่ชัดเจน ยังเป็นเพียงการกำหนดกรอบเท่านั้น โดยแยกเกษตรกรรายย่อยและเกษตรกรรายใหญ่ การกำหนดอัตรายังไม่ได้เขียนอะไรทั้งสิ้น ต้องไปกำหนดรายละเอียดอีก โดยผู้รับผิดชอบต้องเสนอมายังคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ หลังจากนั้นจะไปออกเป็นกฎกระทรวง เมื่อถามว่า มีความจำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นประชาชนหรือไม่ นายดิสทัตตอบว่า ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญฯต้องการให้ทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นประชาชน แม้รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ไม่ได้บังคับว่าการทำกฎกระทรวงต้องทำประชาพิจารณ์ แต่กรณีนี้ถ้าจะทำเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเคลียร์ ทำประชาพิจารณ์ก็เป็นเรื่องดี จะได้วิเคราะห์ผลกระทบด้วย

ปลุกพลังชาวนาปกป้องสิทธิ์

นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ที่ จ.ลพบุรีว่า ขอคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรน้ำที่ระบุว่าการใช้น้ำสาธารณะเพื่อการเกษตรหรือการเลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ ต้องเสียภาษี ถือเป็นการขัดกับพื้นฐานความเป็นจริงหรือละเมิดกับโครงการเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งชาวนาส่วนใหญ่ได้เช่านาของผู้อื่นทำซึ่งมีพื้นที่เกินกว่า 50 ไร่ ตามหลักเจ้าของที่นาต้องเสียภาษีน้ำ แต่ความเป็นจริงเจ้าของที่นากลับเก็บเงินเพิ่มจากผู้เช่านา สรุปแล้วผู้ทำนาส่วนใหญ่ทั้งประเทศจะต้องรับกรรม นอกจากเสียค่าเช่าที่แล้วต้องมารับภาระเสียภาษีน้ำอีก ขณะเดียวกันนี้ชาวนามีเป็นหนี้สินล้นตัวอยู่แล้วต้องมารับภาระเพิ่มอีก ดังนั้น ชาวนาทั้งประเทศต้องออกมาปกป้องรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานจากการออกกฎหมายของรัฐบาลที่ทำให้ชาวนาเดือดร้อนทั่วประเทศ

แจงคงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า พระราชกฤษฎีกา เรื่องลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) นั้น หมายความว่า มีคำสั่งให้ให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีแวตในอัตราเท่าเดิมคือ 7% ต่อไปอีก 1 ปี โดยจะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 ส่วนกรณีที่ระบุว่า ลดอัตราภาษีแวตลงนั้น เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันกำหนดให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีแวตในอัตรา 10% จึงจำเป็นต้องออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีแวตลงมาอยู่ที่ 7%

เล็งดูดภาษีบาป 4 พันล้านอุ้มผู้สูงอายุ

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงผลการประชุมวิป สนช.ว่า ในวันที่ 5 ต.ค. ที่ประชุมสนช.จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ในวาระแรก มีสาระสำคัญการนำเงินกองทุนจากภาษีบาป 2 เปอร์เซ็นต์ หรือ 4,000 ล้านบาทต่อปี มาเพิ่มเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือนละ 100 บาท โดยยึดจากบัญชีผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนเบี้ยยังชีพ จำนวน 2.15 ล้านคน ที่เป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ไม่ใช่ข้าราชการ หรือได้รับบำเหน็จบำนาญอย่างอื่น ทั้งนี้ ในส่วนภาษีบาปจะถูกนำมาเพิ่มค่าเบี้ยยังชีพจำนวน 2,400 ล้านบาทต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 1,600 ล้านบาท จะถูกนำไปใช้เป็นสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ เช่น การซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง การจัดกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเป็นผู้ดูแลงบประมาณในส่วนนี้