ผู้กอง สภ.บึงกาฬ ฉุนหนัก วัยรุ่นอายุ 17 ปี ที่ได้ช่วยเข้ามาเป็นตำรวจอาสา ดันแอบอ้างชื่อตัวเองไปไถเรี่ยไรเงินกับผู้ประกอบการร้านค้าผู้ใหญ่บ้านกำนัน ซ้ำยังข่มขู่ วัยรุ่น ยึดท่อ จยย. ขายต่อ จับดำเนินคดีเข็ดหลาบ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ก.ย. ร.ต.อ.อารี ไชมาคำ รอง สวป.สภ.เมืองบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.พิทักษ์ จันตา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ กรณีถูกนายบี นามสมมติ อายุ 17 ปี บ้านห้วยเซือมใต้ หมู่ที่ 2 ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ แอบอ้างเอาชื่อไปเรี่ยไรเก็บเงินกับผู้ประกอบการร้านค้าทั้งในเขตเทศบาลตำบลวิศิษฐ์ ตำโคกก่องและตำบลชัยพร หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บ้านกำนัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ตนเสียหายและเสียชื่อเสียงของ สภ.เมืองบึงกาฬ
ร.ต.อ.อารี กล่าวว่า นายบีได้ขอรับเงินตั้งแต่ 100-3,000 บาท ซึ่งบางคนก็หลงเชื่อให้เงินไป แต่บางคนสงสัยก็ได้โทรสอบถามมายังตนและสอบถามไปยัง สภ.เมืองบึงกาฬ พอรู้ว่ามีการแอบอ้างจึงได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยมักจะแต่งตัวเป็นตำรวจอาสาบ้าง หรือกู้ภัยบ้างขี่รถ จยย.ออกไปข่มขู่เด็กนักเรียนที่แต่งรถซิ่ง ยึดเอาท่อไอเสียไปขายและออกขโมยยางก้อนถ้วยตามสวนยางไปขาย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและเจ้าของสวนยางเป็นอย่างมาก
...
"ในนามที่กำกับดูแลอยู่ในพื้นที่ตำบลชัยพร จึงได้ให้นายบีมาเป็นจิตอาสาช่วยเหลืองานต่างๆ ของสายตรวจตำบลชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ เพราะมีฐานะยากจน หวังจะช่วยขัดเกลาจิตใจ ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม แต่ไม่นึกว่าจะเอาชื่อตัวเองไปแอบอ้างออกหาเรี่ยไรเงินกับประชาชน เพื่อไม่เป็นเยี่ยงอย่างกับเยาวชน ตนจึงต้องดำเนินคดีให้เข็ดหลาบ และขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ตลอดจนห้างร้านต่างๆหากเจอกรณีแบบนี้ให้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบอร์ 191 ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่ามีการแอบอ้างเรี่ยไรเงินสนับสนุนหรือไม่"
นอกจากนี้ยังมี นายอัครวัฒน์ ประดิษฐ์ชโลทร รองประธานกู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลธรรมสถาน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ เพื่อเอาผิดกับผู้แอบอ้าง ซึ่งทางกู้ภัยก็ได้ถูกนายบีทำหนังสือเรี่ยไรไปตามผู้ประกอบการร้านค้าว่าขอเรี่ยไรเงินสนับสนุนตั้งจุดบริการที่ศาลเจ้าปู่-ย่าบึงกาฬ โดยทางมูลนิธิฯ ไม่มีนโยบายในการขอเงินสนับสนุนแต่อย่างใด ร้อยเวรเจ้าของคดีจึงได้แจ้งข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมส่งดำเนินคดีต่อไป