หลังจากรอลุ้น iphone 8 กันอยู่ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Apple เปิดตัว iPad Pro ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ 12.9 นิ้ว และ 10.5 นิ้ว มาให้สัมผัสกัน โดยเน้นให้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นเดิม เรียกได้ว่าจอใหญ่และทรงพลังเทียบเท่าแล็บท็อปทีเดียว
หลังจาก ไทยรัฐออนไลน์ ทดลองใช้รุ่นไฮไลต์ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้วมาเกือบ 2 เดือน เราพบว่า เราสามารถพกพาเจ้าเครื่องนี้ออกไปใช้งานนอกสถานที่แทนแล็บท็อปที่เคยใช้แบบเดิมได้จริงๆ
...
คุณสมบัติอย่างคร่าวๆ ของไอแพดตัวใหม่นี้คือมาพร้อมกับหน้าจอเรติน่าขนาด 10.5 นิ้ว (ขยายหน้าจอให้กว้างขึ้นและขอบแคบลงทำให้ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป) ความละเอียด 2224 x 1668 พิกเซล มีความแน่น 264 พิกเซลต่อตารางนิ้ว ส่งผลให้มีความละเอียดและแสดงสีได้สมจริง รองรับ Apple Pencil ประสิทธิภาพสูงด้วยหน่วยประมวลผล A10X Fusion 64 บิต พร้อมโปรเซสเซอร์ M10 ในตัว บวกกับเทคโนโลยี ProMotion ให้ขอบเขตสีแบบกว้าง และความสว่างระดับ 600 นิต ทำให้คอหนังและซีรีส์ดูภาพยนต์ที่ชอบได้สะใจกว่าเดิม แถมแบตที่ขึ้นชื่อว่าอึดมาก อึดที่สุดตั้งแต่แอปเปิลเคยผลิตมา ใช้งานได้ทั้งวัน
และที่สำคัญ...นี่คือ 5 เหตุผลที่ไทยรัฐออนไลน์อยากให้คุณได้รู้ก่อนตัดสินใจซื้อจริงๆ
1. ปฏิวัติการใช้งานแบบเดิมๆ
หลายคุณสมบัติที่มาพร้อมกับเครื่อง สามารถทำงานได้เหมือนกับแล็บท็อปเครื่องใหญ่ เพราะแต่เดิมผู้เขียนมักจะค่อยใช้แล็บท็อปในการทำงานเท่าใดนัก จากปัญหาที่เจออยู่บ่อยๆ อย่างเครื่องช้า ค้าง รวมถึงอาการอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นี่ยังไม่รวมถึงน้ำหนัก 2-3 กิโลกรัม ที่ต้องแบออกไปก็ทำให้ถอดใจวางไว้ที่บ้านดีกว่า
แต่ iPad Pro 10.5 มีน้ำหนักเบาไม่ถึงครึ่งกิโลกรัมเท่านั้น ทำให้สามารถใส่กระเป๋าพกพาได้สะดวก ขนาดของหน้าจอไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปสำหรับการทำงานและดูหนังฟังเพลง
2. ภาพสวย ใช้งานแทนกล้องตัวใหญ่ได้สบาย
กล้องหลังมาพร้อมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (มีแฟลชในตัว) รูรับแสง f1.8 พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหวของภาพ ไฟแฟลช 4 ดวง แบบ LED TrueTone อีกทั้งยังมีระบบ Auto Focus Pixels รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ 4K บันทึกภาพได้ 30 เฟรมต่อวินาที
ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.2 รองรับ Retina Flash ช่วยให้ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีขึ้น
ถือว่าเป็นกล้องที่ปรับปรุงใหม่มาได้ดีมาก ใช้งานได้เหมือนกับ iPhone 7 เลยทีเดียว พกพาไปถ่ายนอกสถานที่ได้ไม่ลำบากนัก
3. ดูหนังฟังเพลงเล่นเกมได้ไม่ขาดตกบกพร่อง
iPad Pro รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบเสียงสี่ลำโพง ให้เสียงสเตอริโอที่ทรงพลัง คมชัด และเต็มอิ่มได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน อีกทั้งชิปประมวลผลตัวนี้ยังทำให้การตัดต่อวิดีโอ 4K และ เรนเดอร์ภาพ 3 มิติ รวมถึงการเล่นเกมจึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย CPU แบบ 6 คอร์และ GPU แบบ 12 คอร์นั้นให้ประสิทธิภาพ CPU ที่เร็วขึ้น 30% และประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่รวดเร็วขึ้น 40% มากกว่าชิพชั้นแนวหน้าของวงการอย่าง A9X โดยที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้เต็มวันอีกด้วย
...
4. ผสาน iOS 11 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
อีกไม่กี่วันนี้ iOS 11 จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ แต่ไทยรัฐออนไลน์ต้องกระซิบก่อนว่าเราโหลด Beta มาทดลองใช้ดูก่อนแล้ว พูดได้เลยว่า...ไม่ว่าจะเป็นแอพ Files ใหม่หมดจด, Dock ที่ปรับแต่งได้ การทำงานแบบมัลติทาสก์ที่ปรับปรุงใหม่ และการใช้งาน Apple Pencil ที่ล้ำลึกยิ่งขึ้นแล้วนั้น iPad Pro จึงทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานและสร้างสรรค์ผลงานได้มากขึ้นกว่าที่เคย
5. ปากกาและคีย์บอร์ดครบชุด
ซื้อเพิ่ม! คือคำตอบของสาวกอย่างเราๆ ถึงแม้ว่าแต่ละชิ้นจะมีราคาโค-ตะ-ระ แพง แต่เรายืนยันว่ามันคุ้มจริงๆ เริ่มจาก Smart Keyboard แบบใหม่สำหรับเครื่องขนาด 10.5 โดยเฉพาะ มีความใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดมาตรฐาน ทำให้ใช้งานได้ไม่มีสะดุดมาพร้อมแป้นพิมพ์ภาษาไทย ใช้งานสะดวกไม่แพ้การพิมพ์งานบนแล็บท็อป เหมาะกับคนที่ต้องเขียนงานเยอะๆ หรือไม่ชอบการจิ้มจากหน้าจอ
Apple Pencil ที่สามารถตอบสนองได้เร็วขึ้นจากการรีเฟรชหน้าจอของเทคโนโลยี ProMotion ที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz เพื่อการตอบสนองภาพได้ลื่นไหล ส่งผลให้การใช้งาน Apple Pencil ตอบสนองได้ดีขึ้นเช่นกันด้วยความหน่วงเพียง 20 มิลลิวินาที ใกล้เคียงกับการใช้ปากกาจริงๆ
iPad Pro 10.5 ขนาด 64 GB ราคาเริ่มต้นที่ 29,500 บาท
Smart Keyboard สำหรับ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว ราคา 5,900 บาท
Apple Pencil สำหรับ iPad Pro ราคา 3,900 บาท
Apple Pencil Case ราคา 1,200 บาท
ทีนี้ก็ตัดสินใจดู ว่าชอบไหม? สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไปรึเปล่า?
...
...