เป็นลูกจ้างชั่วคราวกทม.วางแบกะดิน-แผ่นละ20ตร.หิ้วฟ้อง-ข้อหาหนัก!
ศาลลดเหลือ133,400บ.อุทาหรณ์คนจนเก็บขยะน่าสงสาร นำวีซีดีของเก่าไปขายตลาดนัดข้างถนนแผ่นละ 20 บาทโดนตำรวจจับดำเนินคดีฐานประกอบกิจการจำหน่ายวีซีดี โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลลงโทษปรับ 200,100 บาท ไม่มี ปัญญาหาเงินเสียค่าปรับ ผู้ใจบุญเมตตาให้หลักทรัพย์ ประกันตัวออกมาสู้คดี น้องสาวเผยชีวิตรันทด รายได้วันละร้อยกว่าบาท ต้องเลี้ยงลูกเล็กๆ 2 คน ไม่รู้เรื่องกฎหมาย
ที่ศาลอาญา วันที่ 16 ส.ค. ศาลอาญามีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องนายสุรัตน์ มณีนพรัตนสุดา ตกเป็นจำเลย ฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำนำภาพยนตร์ จำพวกแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล คดีมีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 2 แสนถึง 1 ล้านบาท
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2551 จำเลยประกอบอาชีพจำหน่ายภาพยนตร์ อันเป็นวัสดุที่มีการบันทึกภาพ และเสียงซึ่งสามารถนำมาฉายให้เห็นเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดจำหน่ายเป็นแผงลอยไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ริมบาทวิถี ในตลาดนัดใกล้สี่แยกกรุงเทพกรีฑา แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และได้รับเงินตามราคาแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ที่จำหน่ายราคาแผ่นละ 20 บาท โดยมิได้รับใบอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551
จำเลยให้การปฏิเสธว่า เป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพนักงานเก็บขยะประจำเขตสะพานสูง สังกัดกองรักษาความสะอาด กรุงเทพมหานคร เก็บขยะระหว่างเวลา 04.00 น. ถึง 10.00 น. เมื่อเก็บขยะแล้วจะคัดแยกขยะที่พอขายได้ นำไปขายที่แผงแบกะดิน ตลาดหน้าหมู่บ้านนักกีฬา โดยขายปะปนกับหม้อหุงข้าวและรองเท้าเก่า ต่อมาถูกตำรวจ สน.หัวหมากจับกุม โดยยอมรับว่าขายจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการ พร้อมกับนำพนักงานขับรถขยะกับหัวหน้างาน มาให้การในทำนองเดียวกัน
ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาปรับ 200,100 บาท แต่จำเลยเคยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน คงลดโทษให้เหลือปรับ 133,400 บาท ถ้าไม่จ่ายค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับ จำเลยฟังคำพิพากษาแล้วขอยื่นประกันตัว เพื่อยื่นอุทธรณ์สู้คดี ศาลสั่งอนุญาตให้ประกันตัวออกไปได้ในวงเงิน 1 แสนบาท
ต่อมาทนายความและญาติของนายสุรัตน์ ร่วมกันเปิดเผยว่า นายสุรัตน์ได้ประกันตัวออกมาแล้ว โดยบุคคลผู้หนึ่งที่สงสาร ให้ยืมสมุดเงินฝากมาเป็นหลักทรัพย์ฟรีๆ คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ชาวบ้านที่เก็บของเก่ามาขายข้างถนน แล้วถูกจับเพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ว่ามี พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2551 แต่ถึงรู้ก็ต้องไปขออนุญาตจำหน่าย ที่กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมชำระค่าธรรมเนียม จำนวน 5,000 บาท กฎหมายฉบับนี้ มีเจตนารมณ์จะเอาผิดกับผู้ประกอบกิจการค้าภาพยนตร์ที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยการฝ่าฝืน ดังนั้น จำเลยจะอุทธรณ์ในประเด็นว่าเราไม่ได้เป็นผู้ค้า เพราะเป็นคนเก็บขยะ มีลูกอายุ 4 เดือน หากถูกจับอย่างนี้จะเป็นตัวอย่างให้คนที่ขายของต้องระมัดระวังมากขึ้น
ขณะที่นางนพรัตน์ อัญมณี น้องสาวของนายสุรัตน์ เปิดเผยว่า พี่ชายเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว มีรายได้วันละร้อยกว่าบาท มีภาระต้องเลี้ยงดูลูกสาว 2 คน คือ ด.ญ. จันทิมา อายุ 6 ขวบ กับด.ญ.สกลดา อายุ 1 ขวบ 3 เดือน ตอนถูกจับอายุ 4 เดือน จำเป็นต้องเก็บขยะมาเสริมรายได้ โดยขายแผ่นวีซีดีรวมไปกับขยะเก่าที่เก็บมาได้ ในวันเกิดเหตุ จู่ๆก็มีตำรวจเดินมาจับตนกับพี่ชาย ถามหาใบอนุญาตจำหน่าย ตนกับพี่ตกใจ ไม่รู้เรื่องใบอนุญาตอะไร จากนั้นก็จับพี่ชายไปดำเนินคดี แปลกใจเหมือนกันที่ตำรวจไม่จับแผงขายซีดีเถื่อนซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ ทั้งที่ขายภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์และแผ่นลามกอนาจารอย่างโจ่งครึ่ม ตนยอมรับว่าพี่ชายขายของแบกะดินจริง แต่เราไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย และมีโทษปรับหนักถึงขนาดนี้ ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ แต่อยากวิงวอนให้ตำรวจที่จับกุม ลองไปดูที่บ้านเราว่าอยู่กันอย่างลำบากยากแค้นแค่ไหน เงินประกันตัวคงไม่มี ดีที่ทนายความไม่คิดค่าใช้จ่าย และมีคนใจบุญมาช่วยเหลือเงินประกันตัวออกมาได้
...