ชาวบ้านต่างถิ่นวิงวอนให้ จนท.อช.ภูแลนคาผ่อนปรนอนุญาติให้เข้าไปเก็บเห็ดและของป่าเหมือนคนในพื้นที่ เพื่อมาบริโภค และที่เหลือนำมาจำหน่ายหารายได้ ด้าน จนท.ยันทำตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้งชาวบ้าน หากฝ่าฝืนจะมีความผิด...

หลังมีคนนำภาพไปเผยแพร่ในโลกโซเชียลวิพากวิจารณ์ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูเเลนคา ส่งต่อกันเป็นจำนวนมากว่า จนท.ของเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ออกตรวจจับชาวบ้านรังแกประชาชน ที่พากันเดินทางเข้าไปหาเก็บเห็ดในพื้นที่กันจำนวนมาก ในช่วงนี้ที่เป็นช่วงหน้าฝนที่แต่ละปีจะมีเห็ดออกเป็นจำนวนมากช่วงเดียว ทำให้ชาวบ้านได้ออกไปหาเก็บมารับประทาน และเหลือก็นำไปจำหน่ายได้บางส่วน เป็นรายได้นำไปเลี้ยงชีพในครอบครัว

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2560 ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กับนายเติมศักดิ์ น้อยนารายณ์ หัวหน้าเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า จากภาพที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้นเป็นข้อมูลที่คาดเคลื่อนไปมาก และทำให้จนท.อุทยานฯเองได้รับความเสียหายไปด้วย ซึ่งข้อเท็จจริงคือมีชาวบ้านเป็นจำนวนมากในแต่ละวันมากกว่า 100 คน ที่พากันขับรถกระบะตระเวนมาจากต่างพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ทั้งจ.ขอนแก่นและนครราชสีมา ต่างพากันมุ่งหน้ามาที่เขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เพื่อลักลอบเข้าป่าไปหาเก็บเห็ดและของป่าพร้อมทั้งเข้าไปเหยียบย้ำทำลายพันธ์ุไม้นานาชนิดที่กำลังเกิดใหม่ในช่วงฤดูฝน

...

สำหรับเขตป่าอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ก็มีมาตรการเรื่องนี้ร่วมกับคนในชุมชนอยู่แล้ว คือในพื้นที่รอบนอกป่าเท่านั้นที่ไม่ใช่ป่าลึกที่จะไปกระทบต่อความสมบูรณ์ของป่าภายในได้ ก็อนุโลมให้เฉพาะคนในพื้นที่ใกล้เคียงจุดนี้ของจ.ชัยภูมิเท่านั่น เพื่อที่จะส่งเสริมให้คนในรอบพื้นที่ป่าอยู่กับป่าได้ และช่วยกันอนุรักษ์ป่าร่วมกันได้อย่างยั่งยืน จึงสามารถให้เข้าไปเก็บเห็ดได้บ้างส่วนเท่านั้น และจะไม่อนุญาตให้คนในพื้นที่อื่น หรือต่างอำเภอ ต่างจังหวัดใกล้เคียงเข้าไปหาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับแจ้งผ่านการตรวจสอบของจนท.ก่อนเด็ดขาด เพราะจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ที่การเข้าไปเก็บหาของป่าในพื้นที่เขตอุทยานฯมีความผิดตั้งแต่ปรับไม่เกิน 500-1,000 บาท หรือ เบาสุดก็จะว่ากล่าวตักเตือนไปก่อน หากพบว่ามีการเข้ามากระทำความผิดซ้ำอีกก็จะต้องถูกปรับ

เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งชาวบ้านเด็ดขาด เพราะมีกฎหมายป่าไม้ควบคุมอยู่ ซึ่งก็มีแค่โทษว่ากล่าวและปรับเท่านั้น ส่วนคนที่มีโทษหนักถึงติดคุกก็ คือ คนที่อาจจะถูกตรวจพบว่ามีการเข้ามาลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ออกมาด้วย เรื่องนี้ก็มีโทษหนักก็ต้องว่ากันตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ส่วนชาวบ้านที่มาจากต่างจังหวัดทั้งโคราช และขอนแก่น ที่ถูกจับตามภาพที่ถูกเผยแพร่ทางโซเชียลไปนั้น ทางจนท.อุทยานฯก็ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนไปหลายครั้ง และสั่งปรับไปเพียง 7 รายเท่านั้น ที่ปรับเฉลี่ยเพียงคนละ 100-200 บาท เท่านั้น ก็ปล่อยตัวกลับบ้านไปหมดแล้ว ที่ชาวบ้านต่างถิ่นที่แอบเข้ามา ก็เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว ส่วนคนที่นำภาพไปโพสเองก็ขอโทษ จนท.และขอลบภาพที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว จากนี้ก็อยากให้เข้าใจการทำงานของจนท.ทุกฝ่ายด้วย

ระหว่างการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวและจนท.อุทยานฯ ก็ยังพบว่า ยังมีความพยายามจากคนต่างถิ่นที่ร่วม100คนขับรถปิกอัพจำนวนหลาย 10 คันมาจอดตามป่าใกล้เคียงเขตป่าของอุทยานแห่งชาติภูแลนคา มาจากทั้ง จ.นครราชสีมา และขอนแก่น และตามมาเป็นจำนวนหลายสิบคันอย่างต่อเนื่อง เข้ามาในพื้นที่เพื่อเข้าไปเดินเก็บหาของป่าในพื้นที่ดังกล่าว จนท.อุทยานฯจึงเรียกตรวจ และใช้มาตรการอบรมให้ความรู้กับชาวบ้านที่พากันแห่มาทั้งหมดอีก นับ 100 คน เพื่อว่ากล่าวตักเตือนว่าในจุดดังกล่าวเป็นการกันพื้นที่ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่ช่วยกันดูแลป่าร่วมกันกับเขตอุทยานฯ เท่านั้น และไม่สามารถปล่อยให้กลุ่มคนที่มาจากนอกพื้นที่อื่นเข้าไปเลือกเก็บโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของ จนท.อุทยานฯได้ เพราะเฉพาะจะมีความผิดที่จะต้องมีการจับกุมดำเนินการตามระเบียบกฏหมายต่อไป

ส่วนนายสมคิด ปิตาระพัง 48 ปี ชาว อ.พล และนางบุณจันทร์ สีเลา 60 ปี ชาว อ.พล ที่เดินทางมาจากจ.ขอนแก่น เพื่อหาเก็บเห็ดในครั้งนี้ที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อมาทราบเรื่องที่ทางอุทยานฯไม่อนุญาตให้ชาวบ้านที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้ามาหาเห็ดในพื่นที่อุทยานเด็ดขาด แต่ต้องได้รับการอนุญาติจากเจ้าหน้าที่อุทยานเท่านั้น จึงขอวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯช่วยผ่อนปรนตามมาตรการในครั้งนี้ เพื่ออนุญาติให้เข้าไปเก็บเห็ดเเละของป่าเหมือนกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ เพื่อนำไปรับประทานที่เหลือส่วนหนึ่งนำไปจำหน่ายหารายได้เลี้ยงครอบครัว เนื่องจากเห็ดมีราคาสูงกิโลกรัมละ 500 บาท และในช่วงฤดูฝนเห็ดจะออกปีละ 1 ครั้งเท่านั้น.