กรมชลประทานเปิดตัว โครงการชลประทานอัจฉริยะฯ ที่เขื่อนมูลบน จ.นครราชสีมา นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อม นำร่องแปลงเกษตรสมาร์ทฟาร์ม 337 ไร่ เป็นต้นแบบเชิงพาณิชย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (30 ส.ค. 66) ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานเปิดโครงการชลประทานอัจฉริยะเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม นำร่องของประเทศ ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำภายในเขตชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการให้มีความรวดเร็ว ฉับไว ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งจะทำให้การใช้ทรัพยากรน้ำเป็นไปอย่างคุ้มค่ามากที่สุด 

พร้อมกันนี้ทางรองอธิบดีกรมชลประทาน ยังได้ทำพิธีเปิดแปลง “SMART FARM” ซึ่งเป็นแปลงสาธิตการดำเนินการเพาะปลูกพืช ด้วยการใช้เครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัย มาบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ และทำให้การใช้น้ำเกิดประโยชน์สูงสุด และร่วมลงแขกเกี่ยวข้าวในแปลงนาสาธิตเปียกสลับแห้ง ร่วมกับผู้ที่มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย   

...

นายทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการเกษตรของไทยให้มีความทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมชลประทานในฐานะหน่วยงานหลักด้านการบริหารจัดการน้ำ ได้นำหลักการและนโยบายดังกล่าว มาปรับปรุงพัฒนางานด้านการชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำให้เกิดการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งพัฒนาเกษตรกร Smart Farmer โดยมี Smart Officer เป็นเพื่อนคู่คิด เพื่อให้เกษตรกรไทยมีความพร้อมและมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร

รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า ด้วยการนําเทคโนโลยีผสานภูมิปัญญามาปรับใช้ให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพ ตลอดจนเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ในการเพาะปลูกให้สูงขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการของตลาด มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้พัฒนาโครงการชลประทานอัจฉริยะเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม ระยะที่ 1 ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน ที่มีพื้นที่จัดการน้ำราว 45,000 ไร่ เพื่อแก้ปัญหาการแบ่งจ่ายน้ำและปรับปรุงประสิทธิภาพ การบริหารจัดการน้ำสู่การเพิ่มผลิตภาพการใช้น้ำ (Water Productivity) ที่สูงขึ้น และสามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงได้

...

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการในระยะแรก ประกอบด้วย งานพัฒนาระบบจัดการการเพาะปลูกอัจฉริยะ หรือ SMART FARM ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และ IoT พร้อมจัดรูปแปลงและปรับปรุงระบบส่งน้ำแบบ Onfarm หรือแบบอัตโนมัติ เพื่อจัดการน้ำและปุ๋ยแก่พืชตลอดฤดูกาลเพาะปลูก ในพื้นที่แปลงสาธิตจำนวนกว่า 10 ไร่  งานพัฒนาระบบควบคุมการแบ่งจ่ายน้ำอัจฉริยะ จากอาคาร Outlet ไปยังระบบคลองส่งน้ำหลัก เพื่อแบ่งจ่ายน้ำสู่พื้นที่จัดการน้ำ โดยติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดระยะไกลในอาคาร Outlet อุปกรณ์ควบคุมอาคารบังคับน้ำปากคลอง LMC และ RMC รวมทั้งคลอง 4L-RMC และคลองส่งน้ำในพื้นที่ใกล้เคียง งานพัฒนาระบบชลประทานอัจฉริยะ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ โดยใช้เทคโนโลยีการวัดระยะไกล และ IoT หรือ ระบบ “RID Meesuk” จัดรูปแปลงและปรับปรุงระบบส่งน้ำแบบ Onfarm ในพื้นที่จัดการน้ำเพื่อการเกษตรนำร่อง 337 ไร่ ตามแนวคิดการจัดการน้ำแบบองค์รวม (Total Water Management) ที่เน้นถึงการจัดการความต้องการของผู้ใช้น้ำ โครงสร้างพื้นฐานระบบชลประทาน และแหล่งทรัพยากรน้ำในพื้นที่ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

...

รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีการส่งเสริมวิธีการเพาะปลูกพืชและการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม โดยการเตรียมแปลงเพาะปลูก การเตรียมดินเพื่อการปลูกข้าวพันธุ์ต่างๆ ได้แก่ ข้าวหอมปทุมธานี 1 ข้าวกข41 ข้าวไรซ์เบอร์รี และพืชหลังฤดูกาล เช่น ปอเทือง และถั่วเหลือง รวมทั้งการปลูกหญ้าแฝกป้องกันการกัดเซาะในแปลงสาธิต เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาและเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์ม สำหรับการจัดการเพาะปลูกแบบแปลงน้ำหยด แปลงเปียกสลับแห้ง และแปลงน้ำขัง ให้แก่อาสาสมัครชลประทานและกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่  

...

ด้าน นายณรงค์ มัดทองหลาง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน กล่าวว่า โครงการชลประทานอัจฉริยะเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวมนี้ ได้กำหนดพื้นที่นำร่อง 337 ไร่ เป็นแปลงต้นแบบเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง โดยใช้ระบบชลประทานอัจฉริยะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำโดยใช้เทคโนโลยีการวัดระยะไกล และ IoT หรือระบบ “RID Meesuk” ที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟน มาช่วยในการเก็บข้อมูลสภาพอากาศ ความต้องการใช้น้ำของพืช ระดับน้ำในแปลงนา เพื่อคาดการณ์ผลผลิตและความต้องการใช้น้ำ

ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน กล่าวต่อว่า สามารถควบคุมการสั่งการปิด-เปิดอาคารชลประทาน ด้วยระบบการควบคุม SCADA ทำให้สามารถสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรได้ว่า จะได้รับน้ำเข้าแปลงนาได้ตรงเวลา ลดความคลาดเคลื่อนในการจัดการน้ำ ลดความขัดแย้งในการใช้น้ำของกลุ่มเกษตรกร ทำให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ การทำนาแบบเปียกสลับแห้งยังสามารถลดต้นทุนการผลิต ช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นบ่อเกิดของภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่งด้วย

นายณรงค์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการโครงการนี้ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเกษตรกร โดยสามารถเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นจากการจัดการน้ำและการเพาะปลูกอย่างเหมาะสม สามารถเพิ่มรายได้จากการปลูกพืชเศรษฐกิจเสริมหลังฤดูเพาะปลูก และสร้างรูปแบบการทำเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการใช้ทรัพยากรน้ำที่ลดลง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนสร้างความพึงพอใจในการบริการของกรมชลประทานให้เพิ่มขึ้น 

ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน กล่าวด้วยว่า โครงการดังกล่าว สามารถขยายผลให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่ชลประทาน ควบคู่กับการส่งเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น การพัฒนาตลาดข้าวเพื่อการปศุสัตว์ ศูนย์ส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมถึงการพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูปและการตลาดดิจิทัลในพื้นที่โดยใช้โมเดล BCG และวิสาหกิจเพื่อสังคม ตลอดจนเป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจากการเกษตร และความหลากหลายทางชีวภาพ หรือแซนด์บ็อกซ์ เพื่อให้เกิดการปรับโครงสร้างทางการเกษตรและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม ให้เป็นต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น สู่มาตรฐานการผลิตระดับสากล เพื่อให้การทําเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่สร้างรายได้สูงอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป.