ชาวประมงพื้นบ้าน อ.ทุ่งหว้า ใช้พื้นที่ริมคลองสุไหงอุเป ทำกระชังเลี้ยงปลาทะเลหลายชนิด เช่น ปลาม็อง ปลาอังจ้อ ปลาเก๋า เพื่อขายเป็นรายได้เสริมโดยมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ โดยปลาเก๋าราคาดีสุด กก.ละ 230 บาท โดยนอกจากอาชีพเสริม บางรายที่เป็นผู้สูงอายุก็ทำเป็นอาชีพหลักด้วย
ชาวประมงพื้นบ้าน ม.2 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล ใช้พื้นที่ริมคลองสุไหงอุเป ต.ทุ่งหว้า ทำกระชังเลี้ยงปลาหลากหลายชนิด โดยปลาที่นำมาเลี้ยงเป็นปลาที่หาได้จากท้องทะเล เช่น ปลาม็อง ปลาอังจ้อ ปลาเก๋า เมื่อเลี้ยงได้ขนาดนำส่งขาย จะมีแม่ค้าจากต่างจังหวัดมารับซื้อถึงที่ โดยการเลี้ยงปลาในกระชัง ทำเป็นอาชีพเสริมจากการทำประมงเพื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น
นายสมนึก ลาทัพ ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านแถบนี้มีอาชีพทำประมงพื้นบ้าน เช่น ลากอวน ดักไซ หากจับได้ตัวโตก็นำไปขาย หากได้ไซส์เล็กก็จะนำมาเลี้ยงไว้ในกระชัง เช่น ปลาม็อง ปลาอังจ้อ หรือ อังเกย ปลาเก๋า โดยเฉพาะปลาเก๋าเป็นปลาที่ราคาดี ราคาตอนนี้อยู่ที่ กก.ละ 230 บาท ตัวขนาด 8 ขีดขึ้นไป ก่อนหน้านี้มีกระชังเลี้ยงปลาในคลองสุไหงอุเปประมาณ 30 ราย กระชังละ 200-300 ตัว
...
ชาวประมงพื้นบ้านทุ่งหว้า กล่าวต่อว่า การเลี้ยงปลาที่ผ่านมาประสบปัญหาตัวนากเข้ามากัดกินปลา ทำให้ชาวบ้านต้องเฝ้ากันแทบไม่ได้ไปไหน ตอนนี้เหลือเพียง 20 รายเท่านั้น ธรรมดาแล้วชาวบ้านแถบนี้จะเลี้ยงปลาในกระชังเป็นอาชีพเสริม สำหรับคนที่แข็งแรงส่วนใหญ่จะทำประมงเป็นหลัก แต่เมื่ออายุย่าง 60 ปี ที่ทำประมงทั่วไปไม่ได้แล้ว ก็จะหันมายึดเลี้ยงปลาในกระชัง เป็นอาชีพหลัก
นายสมนึก กล่าวด้วยว่า สำหรับการเลี้ยงปลาเก๋าให้อาหาร 2 วันครั้ง แต่ปลากะพงให้ทุกวัน อุปสรรคนอกจากนากแล้วเป็นความร้อนของอากาศด้วย โดยเฉพาะปีนี้หวั่นใจว่าเมื่อเข้าเดือนห้าจะสร้างปัญหาให้กับคนเลี้ยงปลา ส่วนรายได้การเลี้ยงปลาในกระชังถือว่ารายได้ดี แต่เป็นรายได้ที่ใช้เป็นเงินหมุนเวียน เช่น ส่งลูกเรียนและใช้จ่ายในครัวเรือน โดยปลาเก๋ายังคงเป็นที่ต้องการของตลาด แม่ค้าจาก จ.ตรัง สงขลา และพื้นที่ใกล้เคียงมาซื้อด้วยตนเองถึงกระชังปลา และยังเป็นที่ต้องการของตลาดมีเท่าไรไม่เคยพอ.
...