ชาวนาบ้านหมวดหมู อ.ชำนิ บุรีรัมย์ จัดงานส่งเสริมพัฒนาข้าวไทย หลังพบชาวนาไทยมักทำนาแบบผ่านๆ เพราะเชื่อว่ารัฐจะช่วยอุดหนุน ทำให้อนาคตคุณภาพข้าวไทยอาจรั้งท้ายคู่แข่ง ชี้ เป็นโอกาสดีที่ได้ปรับปรุงพัฒนาตัวเอง นิ่งเฉยไม่ได้ พร้อมฟื้นฟูการทำนาโยน

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 66 ที่บ้านหมวดหมู หมู่ 6 ต.ละลวด อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านจาก ต.นางรอง อ.นางรอง และชาวบ้านในเขต ต.ละลวด อ.ชำนิ ได้มาร่วมกันจัดกิจกรรม "หว่านวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" การจัดงานดังกล่าว ได้ใช้พื้นที่นาจำนวน 5 ไร่ของนายสงวน ขวัญทวี สมาชิกสภาเทศบาลตำบล (สท.) นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ มาเป็นแปลงต้นแบบ ในการทำนา ด้วยวิธี "โยนข้าว" มีชาวบ้านมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการสูบปลาในสระน้ำ แข่งจับปลาไหล เพื่อสร้างบรรยากาศของการย้อนไปในอดีตครั้งชาวบ้านใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่มีความขัดแย้งกันในชุมชน 

...

นายสงวน ขวัญทวี อายุ 65 ปี เจ้าภาพผู้จัดงาน หว่านวันแม่ เกี่ยววันพ่อ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ คือการสร้างความสามัคคีในชุมชน โดยเฉพาะการปลูกข้าวโดยการ "โยนข้าว" ซึ่งเป็นแนวทางของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่เกษตรกรเริ่มจะลืมกันไป เพราะหันไปใช้วิธีการทำนาแบบใหม่

ผู้จัดงาน หว่านวันแม่ เกี่ยววันพ่อ บุรีรัมย์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญคืออยากให้เกษตรกรให้หันมาพัฒนาข้าวไทย ให้กลับมายืนอยู่แถวหน้าเหมือนก่อนหน้านี้ เท่าที่ทราบทางข่าว ในห้วง 10 ปี นับจากปี 2555-2565 พบว่า ผลผลิตข้าวไทยต่อไร่ลดลง รายได้และเงินคงเหลือของชาวนาไทยน้อยกว่าคู่แข่ง ส่วนต้นทุนการผลิตของไทยเพิ่มขึ้นหรือเป็นอันดับสองรองจากอินเดีย

"ส่วนตัวคิดว่าชาวนาไทยไม่ค่อยสนใจการพัฒนาข้าว ทำนาข้าวแบบพอผ่านๆ เพราะคิดว่ามีรัฐบาลมาคอยอุดหนุนปัจจัยการผลิต คอยอุดหนุนรายได้ส่วนต่าง จึงทำให้ไม่มีใครสนใจ สุดท้ายทั้งคุณภาพชาวนาไทย และข้าวของไทยอยู่ในท้ายตารางของประเทศผลิตข้าวทั่วโลก" นายสงวน กล่าว

ผู้จัดงาน หว่านวันแม่ เกี่ยววันพ่อ บุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า การจัดงานในครั้งนี้ ไม่ได้ขอการสนับสนุนจากหน่วยงานไหน ใช้เงินทุนของตัวเองทั้งหมด หากรอรัฐบาลมากอบกู้ให้ข้าวไทยกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง คงจะต้องใช้เวลานาน โดยเฉพาะรัฐบาลชุดใหม่ไม่รู้ว่าจะได้จัดตั้งวันไหน และจะมีแนวทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร.