ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี พบว่าพริกขี้หนูราคาพุ่งพรวด กก.ละ 600 บาท แถมยังหาซื้อยากมาก ส่วนผักอย่างอื่นก็ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แม่ค้าเปิดเผยหลังจากฝนตก ราคาก็จะกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนี้
ผู้สื่อข่าวออกสำรวจตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี ริมแม่น้ำสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี หลังจากที่ราคาพืชผักมีผู้บริโภคเข้าไปแล้ว ต่างก็บ่นกันอุบว่าพริกขี้หนูสวนนั้นแพงมาก จนทะลุราคาเนื้อสัตว์อย่างเช่นเนื้อหมูและเนื้อไก่ไปแล้ว หากจะเปรียบเทียบกัน และยังแพงกว่าทุเรียนอีกด้วย
นางสายชล สุขพงษ์ แม่ค้าแผงผัก เปิดเผยว่า ราคาพริกขี้หนูสวนจากกิโลกรัมละ 500 บาท พุ่งพรวดมาราคากิโลกรัมละ 600 บาท และขึ้นมาประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว ชาวสวนพริกที่ปลูกแล้วนำมาขายส่งให้แม่ค้า บอกว่าเจอกับปัญหาแล้งมาก ซึ่งต้นพริกที่ปลูกไว้นั้นออกน้อย จึงไม่ทันต่อความต้องการของตลาด แถมยังหายากมากในตอนนี้ ราคาจึงสูงขึ้นอย่างน่ากลัว โดยไม่ได้มีเพียงแค่พริกขี้หนูสวนเท่านั้นที่ราคาขึ้น มะเขือเจ้าพระยาจากกิโลกรัมเพียง 300 บาท ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 60 บาท
...
ขณะเดียวกันแม่ค้าผักแผงอื่นในตลาด ต่างให้ข้อมูลว่า ราคามะเขือเทศขณะนี้ขึ้นมา และมีทีท่าจะไม่หยุดขึ้น จากราคากิโลกรัมละ 40 บาท ในตอนนี้ขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 80 บาทแล้ว และยังคาดว่าราคาจะขึ้นไปกว่า 100 บาทต่อหนึ่งกิโลกรัมอย่างแน่นอน เพราะในตอนนี้มะเขือเทศหานำมาขายค่อนข้างยาก เช่นเดียวกับพริกขี้หนูสวน ส่วนราคาพริกเม็ดใหญ่ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน โดยจากราคาเดิมกิโลกรัมละ 50 บาท ขึ้นมาอีกเท่าตัวหนึ่ง ก็คือกิโลกรัมละ 100 บาทแล้ว
ทั้งนี้ บรรดาแม่ค้าบอกว่าถือเป็นเรื่องปกติของราคาในช่วงหน้าแล้ง โดยพืชผักของชาวสวนที่ปลูกส่งออกนำมาขายตลาดนั้นค่อนข้างขึ้นยาก เนื่องจากสภาพอากาศ แต่หลังจากที่ฝนนั้นเริ่มตกลงมาแล้ว ราคาก็จะลดลงไปเช่นเดิม แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ผักนั้นขึ้นราคา ก็คือเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรถบรรทุกผักที่นำมาส่งในตลาด ก็จำเป็นจะต้องขึ้นราคาค่าขนส่งผักเช่นกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากยังไม่มีการแก้ปัญหานี้ได้.