คนเลี้ยงหมูรายย่อยพัทลุง เผยเวลานี้ "อาการโคม่า" ประสบภาวะขาดทุนหนัก ต้องแห่ขายออก แม่พันธุ์ กก.ละ 30 บาท เพราะหากเลี้ยงแม่พันธุ์เอาไว้ลูกสุกรก็ไม่มีที่จะขาย จึงต้องลดภาระ ขณะที่ลูกสุกรขนาด 16 กก. ก็ขายในราคาตัวละ 700-1,000 บาท

นายภักดี ชูขาว เจ้าของภักดีฟาร์ม อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สถานการณ์การเลี้ยงสุกรในพื้นที่ จ.พัทลุง ต่างประสบกับภาวะขาดทุนจนต้องวางกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด โดยย่นระยะให้อยู่ต่อได้ในระยะ 4-5 เดือนข้างหน้า พร้อมมีการตัดวงจรเพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น มีการคัดแม่พันธุ์สุกรออกขาย โดยแม่พันธุ์สุกรก่อนที่จะปลดระวางบางราย 3 ท้อง และ 5 ท้อง ก่อนที่จะปลดระวางต้อง 8 ท้อง ซึ่งจะนำออกขายราคา 25 บาท/กก. จากราคาแม่พันธุ์ที่เคยปรับตัวมาอยู่ที่ 30 บาท/กก. และเคยปรับขึ้นมา 50-60 บาท/กก. ส่วนลูกหมูขุนก็เช่นกัน แต่เดิมขนาดน้ำหนักตัวละ 16 กก. ราคาที่ปรับตัวอยู่ที่ 2,600-2,700 บาท/ตัว แต่ในขณะนี้ราคาขายออกประมาณตัวละ 700-1,000 บาท

นายภักดี กล่าวอีกว่า ในขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมีความมั่นใจสูงว่าหากเลี้ยงแม่พันธุ์เอาไว้ลูกสุกรก็ไม่มีที่จะขาย จึงต้องลดภาระต่อต้นทุนในการนำลูกสุกรออกขายในราคาที่ต่ำ ส่วนผู้ซื้อลูกสุกรขุนก็เช่นกันพอเลี้ยงขุนเติบโตได้ขนาด ถึงแม้ว่าจะขายขาดทุนก็ต้องขาย ในขณะเดียวกันผู้เลี้ยงสุกรรายใหญ่ก็ต่างชะลอการขายสุกรมีชีวิต หันมาทำสุกรผ่าซีกออกขายในราคา 83 บาท/กก. ในขณะที่สุกรมีชีวิตมีราคาการซื้อขาย 70 บาท/กก. ทำให้สุกรผ่าซีกกับสุกรมีชีวิตมีราคาการซื้อขายที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งสุกรผ่าซีกที่วางขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นได้ส่งผลกระทบต่อสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มเกษตรกร เนื่องจากก่อนหน้านี้ในงานบุญงานกุศล งานศพ จะนิยมซื้อสุกร มีชีวิตไปชำแหละ แต่ตอนนี้สุกรมีชีวิตจะขายยากขึ้นเพราะผู้บริโภคจะหันไปซื้อหมูผ่าซีกตามซุปเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากเป็นเนื้อหมูสวยงามและมีขายทุกส่วน ในขณะที่การตลาดโบรกกเกอร์ได้เข้ามาซื้อสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มราคาที่ 60-63 บาท/กก.เท่านั้น

...

เครดิตภาพประกอบ จาก iStock