"ปลัดเกษตร" สั่งย้าย "อธิบดีกรมวิชาการเกษตร" ช่วยราชการที่กระทรวงเกษตรฯ 90 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบฯ หลังมีหนังสือร้องเรียนเอื้อเอกชนเรียกรับเงินตรวจสอบสาร BY2 ในทุเรียนส่งออก
แหล่งข่าวระดับสูงรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ลงนามในคำสั่งให้นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร มาช่วยราชการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หลังจากที่มีหนังสือร้องเรียนจากสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทยว่า นายรพีภัทร์อาจมีส่วนรู้เห็นกับบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่เข้าไปตรวจสอบสาร BY2 ในทุเรียน ทั้งนี้ คำสั่งให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทำหน้าที่แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำตามนโยบาย "นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้" เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมเป็นต้นไป
แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า นอกจากเรื่องร้องเรียนของผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน ยังมีกรณีประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สุ่มเก็บตัวอย่างสินค้าเกษตรและอาหารด้านพืชเพื่อส่งออกนอกราชอาณาจักรไทย ที่กรมวิชาการเกษตรเปิดขึ้นทะเบียนเป็นผู้สุ่มเก็บตัวอย่างสินค้าเกษตรฯ และกระทรวงเกษตรฯ ได้ให้มีการทบทวนประกาศดังกล่าวแล้ว

...
ประเด็นการย้ายอธิบดีกรมวิชาการเกษตรในครั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเกิดขึ้นในช่วงของการเตรียมการเข้าสู่ฤดูผลไม้ภาคตะวันออก และเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) มีการสัมมนาของผู้ประกอบการส่งออกและเกษตรกรเข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน ที่จังหวัดจันทบุรี มีการพูดคุยประเด็นการตรวจ BY2 ที่กรมวิชาการเกษตรยืนยันว่า ไม่มี BY2 ในสวนทุเรียน ผู้ประกอบการจะต้องไม่ผลักภาระให้เกษตรกรตรวจ BY2 ในสวน รวมไปถึงแนวทางที่ต้องเข้มงวดเพื่อให้สามารถส่งออกทุเรียนไปจีนได้เหมือนทุกปีที่ผ่านมา

ส่วนประเด็นการร้องเรียนอธิบดีกรมวิชาการเกษตรโดยสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทยนั้น ทางผู้แทนสมาคมยืนยันกับแหล่งข่าวว่า ไม่ได้เป็นคนดำเนินการ ประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อไปคือ ใครจะเป็นคนรักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และใครจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันนำทัพส่งออกทุเรียนแทนนายรพีภัทร์ ที่ทำงานเชิงรุกได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้น ยังมีงานพืชสวนโลกที่จังหวัดอุดรธานีที่ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ