อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สั่งการปรับกลไกการบริหารจัดการคุณภาพและการป้องกัน ควบคุม หนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง 7 ข้อใหม่ โดยย้ำตั้งมาตรการคัดกรอง 4 ชั้น รวมทั้งมอบ 9 ข้อสั่งการเพื่อประเมินความเสี่ยงสำหรับฤดูกาลทุเรียนปี 68/69

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สั่งการปรับกลไกการขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการคุณภาพและการป้องกัน ควบคุม หนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เกษตรจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี และสงขลา ดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้

1. สอบทานประสิทธิภาพมาตรการกรอง 4 ชั้น พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยเฉพาะการคัดทุเรียนคุณภาพจากสวน ต้องตัดผลทุเรียนแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมาตรการแบ่งออกเป็น 4 มาตรการ ได้แก่

มาตรการกรองชั้นที่ 1 การคัดทุเรียนผลแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง มาตรการกรองชั้นที่ 2 บ่มทุเรียนแยกกองตามแหล่งที่มา 48 ชั่วโมง (เพื่อคัดแยกลูกหนอนเจาะ) และตรวจวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง ทุเรียนมีเปอร์เซ็นต์แป้ง 32-35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบ่มครบ 48 ชั่วโมง หลังจากคัดแยกลูกหนอนเจาะ ทำการบรรจุลงกล่องแล้วบ่มไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 48-72 ชั่วโมง ตรวจสอบหนอนและคัดแยกทุเรียนคุณภาพลงกล่อง มาตรการกรองชั้นที่ 3 กรมวิชาการเกษตรตรวจปิดตู้ร่วมกับด่านตรวจพืชเพื่อสุ่มตรวจสุขอนามัยพืช จาก 3 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5 เปอร์เซ็นต์

...

มาตรการกรองชั้นที่ 4 ด่านตรวจพืชปลายทางสุ่มตรวจศัตรูพืชอีกครั้ง ณ ด่านปลายทางที่ออกใบ PC กรณีเจอหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนจะตีกลับเพื่อทำการคัดแยกทุเรียนที่ได้รับความเสียหายจากหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

2.ประเมินความหนาแน่นของโรค แมลง ศัตรูพืช และระดับความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์ (General Equilibrium, Economic Threshold, Economic Injury Level) เพื่อจัดโซนของมาตรการควบคุม กำจัด และป้องกันแมลงศัตรู ให้สอดคล้องกับช่องโอกาสทางด้านตลาดและการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุเรียนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน อาทิ มาตรการใช้เทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrate Pest Management) การใช้แสงไฟป้องกันหนอนผีเสื้อกลางคืน การห่อผลด้วยถุงเทคโนโลยีใหม่เพื่อช่วยป้องกันโรคและแมลงโดยไม่ต้องใช้สารเคมี และทำให้ทุเรียนมีเปลือกบางลงและมีเนื้อหนาขึ้นด้วย ซึ่งจะเหมาะกับการทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง อีกทั้ง ช่วยให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมี เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ช่วยให้การบริหารจัดการภายในสวนง่ายขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพทำสวนต่อไปในอนาคต

3.การสอบทานปริมาณ คุณภาพ ความพอเพียง และการเข้าถึงวัสดุ อุปกรณ์ ฯลฯ อันเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับเกษตรกรที่จะใช้ป้องกัน ควบคุม กำจัดหนอนเจาะทุเรียนจากร้านค้าจำหน่ายในท้องที่ท้องถิ่น

4.การอบรมให้ความรู้ คำปรึกษา และสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรและบริหารความคาดหวังของผู้บริโภคทุกระดับว่าจะได้รับการส่งมอบทุเรียนที่มีคุณภาพ

5.ประสานเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง เพื่อสร้างโอกาสมูลค่าเพิ่มและแยกเนื้อทุเรียนที่ได้รับผลกระทบจากหนอนเจาะทุเรียน

6.กำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดการขยะเปลือกทุเรียนและผลทุเรียนทิ้งเพื่อกำจัดแหล่งพาหะของหนอนเจาะทุเรียนอันเป็นการตัดวงจรการเจริญเติบโตให้ลดน้อยลงมากที่สุด

...

7.การติดตามประเมินความเสี่ยงด้านราคาและการบิดเบือนตลาด เพื่อรักษาระดับเสถียรภาพราคาให้อยู่ในระดับที่สร้างผลตอบแทนสุทธิที่พอเพียงกับรายจ่ายครัวเรือนของเกษตรกรในปัจจุบันและอนาคต

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า ยังมอบแนวทางการประเมินความเสี่ยงในอนาคตสำหรับการผลิตทุเรียนในรอบปีต่อไป 68/69 ซึ่งมีเป้าประสงค์ยกระดับทุเรียนคุณภาพพรีเมียมส่งออก อาทิ ความเสี่ยง ด้านทรัพยากรน้ำ ด้านการวิวัฒนาการและสัณฐานวิทยาของโรค แมลงศัตรูพืช ด้านกลไกตลาดและราคา ด้านข้อมูลและระบบการตรวจสอบย้อนกลับ โดยมีข้อสั่งการดังนี้

1.การให้ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ ทักษะ และความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรสามารถผลิตทุเรียนคุณภาพตามหลักวิชาการ เริ่มตั้งแต่การจัดการที่ดีหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมสร้างพลังงานแก่ต้นทุเรียนให้มีความสมบูรณ์แข็งแรงเพียงพอต่อการออกดอก ติดผลในฤดูกาลต่อไป

2.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทานในระหว่าง 8 เครือข่ายกรมส่งเสริมการเกษตร (แปลงใหญ่ทุเรียน วิสาหกิจชุมชนแปรรูปทุเรียน Smart Farmer/Young Smart Farmer ศพก. ศดปช. ศจช. อกม. และกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร) เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานทุเรียนจังหวัดชายแดนใต้ที่มีการเชื่อมโยงทรัพยากรและเพิ่มอำนาจซื้อของเกษตรกร

...

3.การเฝ้าระวังโรค แมลงศัตรูพืช เชิงรุก เพื่อตัววงจรการเจริญเติบโตก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะช่วงตัวเต็มวัย ก่อนเข้าสู่ช่วงออกดอกทุเรียน

4.เพิ่มประสิทธิภาพระบบการเฝ้าระวังโรค แมลงศัตรูทุเรียน และระบบการป้องกัน ควบคุมการตัดทุเรียนอ่อน และสร้างโอกาสการเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานสินค้า และผลิตภัณฑ์ทุเรียนที่หลากหลายและเหมาะสม

5.การเตรียมสร้างนักคัด นักตัด นักแกะทุเรียน เพื่อเสริมความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานสินค้าทุเรียนที่มีมาตรฐาน และพอเพียงต่อความต้องการ

6.การศึกษาวิจัยและพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุเรียน ร่วมกับสถาบันการศึกษาพื้นที่ เพื่อสร้างความหลากหลาย และมูลค่าเพิ่มตามความต้องการและสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ผู้บริโภค

7.สร้างกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างความรู้อาหารศึกษา ด้านคุณค่าและประสบการณ์ด้านรสชาติ โภชนาการและเรื่องราวของทุเรียนอัตลักษณ์ เช่น ทุเรียนทรายขาว จังหวัดปัตตานี, ทุเรียนบางนรา จังหวัดนราธิวาส, ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา เพื่อส่งเสริมการบริโภคให้เพิ่มพูนขึ้น

8.ประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบรวบรวม คัดแยกคุณภาพ และแปรรูปทุเรียน เพื่อสร้างและพัฒนากลไกตลาดที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถบริหารความเสี่ยงจากสภาะกลไกตลาดล้มเหลวหรือบิดเบือน
ได้ทันการณ์ อีกทั้งเพื่อหนุนเสริมมาตรการป้องกัน ควบคุม กำจัดโรคแมลงศัตรูทุเรียน ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน

...

9.การวิเคราะห์และสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อเพิ่มปริมาณการค้าในแต่ละช่องทาง ทั้งตลาดโมเดิร์นเทรด ตลาด e-Commerce และ Digital Marketing ตลาดภายในประเทศ และตลาดส่งออก.