ชาวนาขอนแก่น ชี้ "ปุ๋ยคนละครึ่ง" ไม่ได้ช่วยชาวนาเลย เพราะเงินทองหายากจะเอาเงินที่ไหนจ่ายครึ่งแรกให้ก่อน ตั้งข้อสงสัยหากราคาปุ๋ยไม่ถึง 1,000 บาท เงินทอนอยู่ในกระเป๋าใคร ทางที่ดีโอนเงินให้เกษตรกรไปซื้อเองเลยดีกว่า

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของชาวนา หรือเกษตรผู้ปลูกข้าว ในพื้นที่บ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ถึงโครงการสนับสนุนการซื้อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และสารชีวภัณฑ์ ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยให้เกษตรกรลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการปุ๋ยคนละครึ่งได้ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ของ ธ.ก.ส. ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 67 ที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้นั้น 

นายวิรัตน์ โพธิ์ศรีเรือง อายุ 58 ปี ชาวบ้าน ม.22 บ้านโนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น เกษตรผู้ปลูกข้าวและประธานศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนสาวะถี กล่าวถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่งว่า จริงๆ แล้วโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เริ่มต้นจากเกษตรกรรวมตัวกัน เข้าไปคุยกับกรมการข้าวเรื่องเงินสนับสนุนปุ๋ยสูตรแตกกอและสูตรแตกรวง การพูดคุยก็เข้าใจกันทุกฝ่าย จากนั้นกรมการข้าวก็ดำเนินการต่อ โดยนำเรื่องเข้ากรรมาธิการ แล้วก็ออกมาเป็นแบบนี้ ซึ่งไม่ตอบโจทย์เกษตรกร ยิ่งช่วงนี้เงินยากและยังจะให้เกษตรกรเอาเงินไปสมทบที่ ธ.ก.ส. ก่อนถึงจะได้ปุ๋ย ถ้าเกษตรกรรายไหน ไม่มีเงินไปสมทบ จะทำอย่างไร สรุปเกษตรกรรายนั้นจะไม่ได้เงินช่วยเหลือจากโครงการนี้เลย

...

 "ถ้าเปรียบเทียบรัฐบาลนี้กับรัฐบาลลุงตู่ สู้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้เลย ห่างไกลกันมาก เพราะรัฐบาลลุงตู่ให้เกษตรกรจริงๆ ให้แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งโครงการเครื่องจักรกล โครงการอินทรีย์ล้านไร่ที่เกี่ยวกับเกษตรกร รัฐบาลลุงตู่ให้จริงๆ แต่รัฐบาลนี้เหมือนเอาเกษตรกรไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง เอาไปเป็นเครื่องเล่น ถ้าโครงการนี้ถ้าใครไม่มีเงินสมทบก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ" ประธานศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนสาวะถี กล่าว

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า เนื่องจากโครงการฯ นี้ยังมีอะไรหลายอย่างไม่ชัดเจน เหมือนเป็นการโยนหินถามทาง เป็นกระบวนการที่มีความยุ่งยาก เพราะตอนนี้เงินทองหายากเศรษฐกิจก็ไม่ดี เกษตรกรหาเช้ากินค่ำ มีหนี้สินครัวเรือน แล้วยังจะต้องหาเงินไปซื้อปุ๋ยอีก ถ้าจ่ายเป็นเงินมาช่วยเหลือเข้าบัญชีเกษตรกรเลย แล้วให้เกษตรไปเลือกซื้อปุ๋ยสูตรไหนก็เรื่องของเกษตรกร และร้านค้าปุ๋ยก็จะมีการแข่งขันกัน และลดราคาแข่งกันเป็นผลดีกับเกษตรกรมากกว่า

ประธานศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนสาวะถี กล่าวด้วยว่า ถ้าจะช่วยเหลือแบบไร่ละ 500 บาท แต่ไม่มีค่าเก็บเกี่ยว ก็ไม่ต้องมาช่วยดีกว่า เพราะเงิน 500-1,000 บาทมีความหมายมากกับชาวนาถ้าไม่มีเงินตรงนี้มาช่วยเหลือ การกำหนดราคาปุ๋ยมาไร่ละ 1,000 บาท ถ้าเกษตรกรซื้อปุ๋ยไม่ถึงกระสอบละ 1,000 บาท เงินที่เหลือ หรือเงินทอนที่เหลือจะเข้ากระเป๋าใคร เงินส่วนนี้จะไปอยู่ไหน ทางที่ดีโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรเหมือนเดิมให้เกษตรกรไปบริหารจัดการเองจะดีกว่า.