กระทรวงเกษตรฯ พร้อมเดินหน้า "โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง" สำหรับปีการผลิต 2567/68 โดยมุ่งลดรายจ่ายการปลูกข้าว และเพิ่มรายได้ให้พี่น้องชาวนา ย้ำ ให้ซื้อปุ๋ยหรือชีวภัณฑ์ในราคาไม่เกินครัวเรือนละ 500 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 1 หมื่นบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาไทย และนายจารึก กมลอินทร์ ประธานกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ แถลงข่าวโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจให้กับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ การสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการฯ รวมไปถึงการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการถึงเงื่อนไขและคุณสมบัติการเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลในการลดค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อปัจจัยการผลิต และนำไปสู่การเพิ่มรายได้ของเกษตรกรเป็น 3 เท่า ในระยะเวลา 4 ปี ทำให้รายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพิ่มขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้

...

รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ตามที่คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 และคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ตามความต้องการของเกษตรกรแบบมีส่วนร่วม โดยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ในลักษณะ "ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง" เพื่อพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เข้มแข็งและเกิดความยั่งยืน และลดภาระการเงินการคลังของประเทศ โดยการสนับสนุนปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ในราคาครึ่งหนึ่งไม่เกินครัวเรือนละ 500 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท ตามราคาปุ๋ยที่จ่ายจริง รวมมูลค่าปุ๋ยไม่เกิน 20,000 บาท

"จากที่ลงพื้นที่แลกเปลี่ยนกับชาวนา ปีที่ผ่านมาข้าวราคาดี สิ่งที่รัฐบาลมองเมื่อข้าวราคาดีแล้ว การที่รัฐบาลจะไปอุดหนุนไร่ละ 1,000 บาทต่อคงไม่ใช่แล้ว แต่จะต้องเป็นการช่วยลดภาระต้นทุน จึงเป็นที่มาของโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ปัญหาของชาวนาสิ่งที่เขาต้องการคือปุ๋ย แล้วปุ๋ยที่เข้าโครงการต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิชาการเกษตร ตามความเหมาะสม ขายในราคาที่กระทรวงควบคุมได้ ไม่ใช่ขายปุ๋ยราคาแพง เราอยากคิดโครงการดีๆ เพื่อมาลดต้นทุนการผลิตช่วยพี่น้องเกษตรกรและชาวนาทุกคน ฝากถึงพี่น้องเกษตรกรทุกภาค วันนี้เราเริ่มขายน้ำยางพารา และก้อนยางถ้วยตามมาตรฐาน EUDR ที่เป็นการเกษตรไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบย้อนกลับได้ดูที่มาได้ โดยวันนี้ราคาน้ำยางสดตรวจสอบย้อนกลับได้ สูงสุดที่ กก.ละ 78 บาท ขณะที่ ราคาปาล์มน้ำมันจาก กก.ละ 3.50 บาทก็มีการขึ้นราคาเป็น กก.ละ 5 บาท ตอนนี้เราเอาตลาดนำแล้วเอานวัตกรรมไปเสริม สร้างผลผลิตคุณภาพ เปิดตลาดไปต่างประเทศ สร้างความมั่งคั่ง เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยดีขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ทางกระทรวงและรัฐบาล มุ่งมั่นดำเนินการต่อเนื่อง" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

...

สำหรับคุณสมบัติเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2567/68 กับกรมส่งเสริมการเกษตร นอกจากนี้ ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ด้วยเช่นกัน โดยวิธีเข้าร่วมโครงการนั้นเกษตรกรต้องใช้สิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. เข้าร่วมโครงการฯ จากนั้นระบุปุ๋ยสูตรที่เข้าร่วมโครงการฯ และชำระเงินค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ครึ่งหนึ่งผ่านแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. (รัฐช่วยจ่ายค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ครึ่งหนึ่งและเกษตรกรจ่ายครึ่งหนึ่ง) เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตข้าว เพิ่มโอกาสและบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกร ส่งผลให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น.