ดีเอสไอ เปิดปฏิบัติการล่า 2 นายทุน หลังขยายผลจับกุม 6 ชิปปิ้งเอกชน พบอยู่เบื้องหลังจ่ายเงินสั่งหมูต่างประเทศ พร้อมตรวจค้น 2 จุด เชื่อเชื่อมโยงหมูเถื่อน 20 ตู้ จาก 161 ตู้ ถูกอายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง 

กรณี คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินคดีกับขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ คดีพิเศษที่ 59/2566 หลังจากดำเนินการสืบสวนสอบสวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (เนื้อสุกรแช่แข็ง) ตั้งแต่ปี 2564 - ปัจจุบัน มีพยานหลักฐานสามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหา และแจ้งข้อกล่าวหากับผู้นำเข้าสินค้าเนื้อสุกรแช่แข็ง ทั้งในฐานะนิติบุคคล และในฐานะบุคคลธรรมดา รวม 6 ราย (จับกุมครบแล้ว) ความผิดฐานหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัด หรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 มาตรา 244 และนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์ หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 มาตรา 31 ประกอบมาตรา 68 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ต.ค. 2566 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ร่วมกันเปิดปฏิบัติการนำหมายค้นศาลเข้าตรวจค้นบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด THE GOOD SHOP CO., LTD มีความเกี่ยวข้องกับคดี พบเส้นทางการเงิน และเอกสารที่เกี่ยวข้องว่า บริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด รับหน้าที่เป็นผู้จ่ายเงินให้กับบริษัทชิปปิ้งเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อสั่งซื้อเนื้อสุกรแช่แข็งก่อนนำเข้าประเทศไทยผ่านพิธีการศุลกากร โดยการสำแดงเท็จเป็นผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง (Frozen Food) ตรวจค้น 2 จุด

...

จุดแรกเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหา 4 ชั้น อยู่ปากซอยวัดเทพนิมิตต์ ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตดอนเมือง กทม. แสดงชื่อเป็นป้ายร้านจำหน่ายเนื้อวัว เนื้อสัตว์ และเครื่องในประเภทต่างๆ แช่แข็ง ส่วนบริเวณชั้นล่างเปิดเป็นร้านจำหน่ายเบียร์ และไวน์ ส่วนบริเวณชั้นบนพบเปิดเป็นลักษณะห้องอาหาร และสำนักงาน อีกทั้งบริเวณด้านหลังของอาคารพบว่ามีจุดที่ใช้ในการสไลด์เนื้อสัตว์แช่แข็ง มีตู้แช่ พบหมูสด 20 กล่อง กล่องละ 10 กก. ขณะเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบเจ้าของอาคาร 

จุดที่ 2 เป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหา 4 ชั้น ในซอยประชาอุทิศ 13 ฝั่งตรงข้ามซอยวัดเทพนิมิตต์ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 100 เมตร) ลักษณะเป็นอาคารสำนักงาน มีตู้แช่เนื้อสัตว์อยู่ที่ด้านหลังอาคารอีกจำนวนหนึ่ง พบพนักงานจำนวนหนึ่งขอเข้าตรวจค้นเก็บหลักฐานเป็นเอกสาร และเนื้อสัตว์แช่แข็ง เพื่อนำไปตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนพบว่า บริษัทที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นวันนี้มีความเกี่ยวข้องกับตู้คอนเทนเนอร์ ประมาณ 21 ตู้ จากทั้งหมด 161 ตู้ นอกเหนือจากการนำเข้าเนื้อหมูจำนวนดังกล่าวแล้วยังพบว่ามีขบวนการแอบลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบังตั้งแต่ปี 2564 อีกรวมแล้วกว่า 2,385 ตู้ อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัทที่เข้าตรวจค้นในวันนี้คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งเนื้อหมูแช่แข็งรวมกว่า 100 ตู้ ดีเอสไอ จะตรวจสอบย้อนหลังไปยังข้อมูลของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด และจะรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานประกอบเข้ากับสำนวนด้วย ส่วนใหญ่ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวมักมีการสำแดงเท็จ เป็นสินค้าแช่แข็งประเภทอื่น (Frozen Food) แต่ภายในเป็นเนื้อหมู และเนื้อสัตว์เถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามา

...

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า สำหรับการเข้าตรวจค้นในวันนี้มาจากการขยายผลที่ดีเอสไอได้จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย เป็นกรรมการบริษัทเอกชนให้การพาดพิงมาถึง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบพยานหลักฐาน และเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงมายังบริษัทแห่งนี้ ดีเอสไอ รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อขอศาลออกหมายจับบุคคล 2 ราย เป็นนายทุนเบื้องหลัง ในความผิดฐานหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 มาตรา 244 และนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์ หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 มาตรา 31 ประกอบมาตรา 68 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 นั้น และหมายค้น 2 หมาย สำหรับสถานที่สองจุดในวันนี้ อย่างไรก็ตามผู้ต้องหา 2 รายในวันนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวอีกว่า นอกจากจะพบว่าเส้นทางการเงินหลังจากที่นายทุนได้สั่งซื้อ มีการโอนไปยังบริษัทชิปปิ้งเอกชน แล้วยังได้มีการโอนเงินไปยังเจ้าหน้าที่รัฐอีกส่วนหนึ่ง โดยมีการติดต่อขอนำเข้าสำแดงสินค้ากับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหนึ่ง ผ่านการดำเนินการกับบุคคลเดิมซ้ำๆ จนเชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐคนดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ อย่างไรจะต้องตรวจสอบต่อไปเพื่อให้ได้ความชัดเจนว่ามีบทบาทเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด

...

"ส่วนกรณีที่มีการสงสัยว่า เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีร้านบุฟเฟต์ ชาบูหมูกระทะปิ้งย่างเป็นจำนวนมาก บริษัทดังกล่าวจะเป็นพื้นที่กระจายเนื้อหมูเนื้อวัวเถื่อนในดอนเมืองด้วยหรือไม่นั้น ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวมีความเป็นไปได้ เพราะพบว่าภายในบริเวณจุดตรวจค้นมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการสไลด์เนื้อสัตว์แช่แข็ง และพบห้องเย็นอยู่ภายในจุดตรวจค้นทั้ง 2 จุดนี้ด้วย นอกจากนี้ภายในอาคารพาณิชย์จุดแรกยังพบเนื้อหมูต้องสงสัยจำนวน 20 กล่อง กล่องละ 10 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 200 กิโลกรัม จึงได้ให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์นำกลับไปตรวจสอบว่าเป็นเนื้อหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้า หรือมีที่มาจากประเทศใด หรือมีความเชื่อมโยงกับเนื้อหมูเถื่อนภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกอายัดไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบังหรือไม่" อธิบดีดีเอสไอ กล่าว

พ.ต.ต.สุริยา เผยต่อว่า จากการตรวจสอบย้อนหลัง พบการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนจำนวนกว่า 2,385 ตู้ ทำให้กรมศุลกากรสูญเสียการจัดเก็บรายได้จากภาษีอากรตู้ละ 500,000 บาท รวมแล้วมากกว่า 1,192 ล้านบาท จะมีการเรียกร้องค่าเสียหายกับขบวนการที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง รวมถึงผู้ประกอบการรายใดที่รับซื้อเนื้อหมูเถื่อนจากบริษัทต่างๆ นี้จะถูกดำเนินคดีในฐานความผิดเดียวกัน และอาจต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้นด้วย 

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการทำลายหมูเถื่อนว่า แนวทางการทำลายของกลางที่เหลืออีก 140 ตู้ ยังอยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้น พ.ต.ต.สุริยา เผยว่า ก่อนหน้านี้มีการฝังกลบทำลายแล้ว 20 ตู้ เผา 1 ตู้ รวมทำลายของกลางไปแล้ว 21 ตู้ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ดังนั้นที่เหลืออีก 140 ตู้ ที่จะต้องทำลายที่เดิม ปรากฏว่าได้รับข้อร้องเรียนจากชาวบ้านถึงเรื่องกลิ่นเหม็นเน่า จึงได้มีการประชุมกันใหม่ และลงมติกันว่าจะย้าย 140 ตู้ที่เหลือไปฝังกลบทำลายที่ศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ปราจีนบุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แทน

...

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวด้วยว่า จริงๆ แล้วในวันนี้มีกำหนดจะต้องนำเนื้อหมูไปทำลายประมาณ 30 ตู้ ที่ จ.ปราจีนบุรี แต่ทราบข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ว่าชาวบ้านในพื้นที่ต่อต้านการนำเนื้อหมูจำนวนดังกล่าวเข้ามาฝังกลบทำลาย เนื่องจากเกรงเรื่องโรคระบาด และกลิ่นเหม็นเน่ารบกวน ทราบว่ากรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และพิจารณาเรื่องการฝังกลบทำลายตามขั้นตอน นอกจากนี้ยอมรับว่าดีเอสไอและคณะกรรมการทำลายเนื้อหมูเถื่อนได้ตั้งเป้าจะทำลายเนื้อหมูทั้งหมดภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ แต่หากติดปัญหาดังกล่าว เชื่อว่าการฝังกลบทำลายน่าจะไม่ทันตามกรอบเวลาที่มีอยู่ อาจพิจารณาขยายกรอบเวลาการทำลายออกไป เพื่อความสบายใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่.