ชาวนาราชบุรี ชี้ นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปีมีประโยชน์ ช่วยให้สามารถเก็บเงินไว้โปะลดเงินต้นให้หนี้หมดเร็วขึ้นได้ หรือนำไปลงทุนเครื่องมือการเกษตร และสำรองไว้รับมือภัยแล้ง แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องรายละเอียดเงื่อนไขที่ยังไม่ชัดเจน

หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงชี้แจงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกร ด้วยการพักหนี้ทั้งต้นและดอก เป็นหนึ่งในมาตรการเร่งด่วน ที่จะทำให้ได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2566 พร้อมแผนการสร้างรายได้

ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ จ.ราชบุรี พูดคุยกับ นายบัณฑิต นิลบุตร ชาวนา ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง ถึงนโยบายดังกล่าว โดยกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการพักหนี้เกษตรกรถือเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรจะได้นำเงินที่ต้องเก็บไว้ สำหรับใช้หนี้ไปชำระเงินต้น เพื่อให้หนี้สินที่มีอยู่หมดเร็วขึ้น หรือนำไปลงทุนในอาชีพ ซื้ออุปกรณ์เครื่องทุนแรง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการเกษตร หรือเตรียมทุนสำรองสำหรับใช้ในช่วงภัยแล้ง ที่ประเทศไทยกำลังต้องเผชิญมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์เอลนีโญ

...

ชาวนา ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง กล่าวอีกว่า ส่วนกรอบวงเงินหนี้ของเกษตรกรที่รัฐบาลตั้งไว้ 100,000-1,000,000 บาท มองว่าเหมาะสม เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ที่โครงสร้างหนี้ไม่มากได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกัน รายละเอียดของนโยบายที่ยังไม่ชัดเจน ในส่วนของเงื่อนไขว่ามีอะไรบ้าง ทำให้ตนและเพื่อนเกษตรกร รู้สึกกังวลว่าจะเป็นการซ้ำเติม โดยเกรงว่าหลังเสร็จสิ้นโครงการ เกษตรกรจะกลับกลายเป็นมีหนี้พอกขึ้น

นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า ในทางกลับกันช่วงระยะเวลา 3 ปี ถ้าเกษตรกรจะนำเงินไปชำระเงินต้น จะถูกตัดสิทธิ์หรือไม่ นอกจากนี้ยังอยากร้องขอให้รัฐบาล พิจารณาควบคุมราคาต้นทุนการผลิต ทั้งค่าปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกษตรกรทุกคนต้องการมากที่สุด.