ตอนที่ 9
ส่วนธาวินที่พาลิลลี่กลับห้องพัก เขากำชับเธอว่าอย่าหาเรื่องให้ล้มหมอนนอนเสื่ออีก จะได้รีบกลับไปทำงานตามต้องการ หญิงสาวขอบคุณเขาที่ช่วยไว้หลายครั้งและคิดว่ากองถ่ายคงเข้าใจว่าตนไม่อยู่
“พวกเขาคิดว่าเธอไปมัลดีฟ?”
“ค่ะ เจ๊กับฉันจะไปมัลดีฟ แต่มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฉันเลยคิดว่าเจ๊อาจไปคนเดียวก็ได้ เจ๊ถึงไม่รับสายฉัน”
“สมัยนี้อยู่ที่ไหนก็รับสายรับไลน์กันได้หมด แน่ใจเหรอว่าเธอจะไปกับเจ๊ไม่ใช่คนอื่น”
“เจ๊เอาตั๋วมาให้ฉันดู มันคือตั๋วของฉันกับเจ๊นะคะ”
“เจ๊เก่งนะ ไม่คิดเหรอว่าเขาจะชวนใครไปด้วย”
“ไม่มีนะคะ เจ๊ไม่ได้บอกฉันว่าจะมีใครไปด้วย”
ธาวินเก็บข้อมูลนี้ไว้เงียบๆ เพราะนุดีบอกเขาว่าลิลลี่จะไปกับโอม พอดีสายใจเอาข้าวต้มมาให้ สองคนจึงยุติการพูดคุย...
ทางด้านสมศักดิ์กับสบสมัยที่กรุงเทพฯ สองคนเล่นละครไม่ค่อยเนียนเหมือนเมื่อก่อนเพราะเรื่องราวชักจะบานปลายไม่ได้ดังใจ ขณะนั่งรถออกมาด้วยกันสมศักดิ์ไม่วายด่าสบสมัยด้วยถ้อยคำรุนแรง ทำให้เธอทนไม่ไหวชักปืนออกมาสั่งให้จอดรถ
“แกมันนังผู้หญิงบ้า อย่าลืมสัญญาล่ะ”
“แกก็ไอ้ผู้ชายกักขฬะ ฉันจำแม่นใส่กะโหลกดีๆของฉันไว้แล้ว ระวังกะโหลกร้ายๆของแกไว้ให้ดี มันจะไม่มีบ่าให้วาง” พูดจบสบสมัยกระแทกประตูปิดอย่างแรง พอรถสมศักดิ์แล่นออกไป รถของคฑาวุธที่สบสมัยซื้อให้ก็แล่นมาจอดเทียบ “ขอบใจมากที่ตามมาตลอดตั้งแต่ออกมาจากบ้าน”
“ผมใจหายแทนคุณ กลัวเขาจะไม่จอดให้ลง”
สบสมัยโชว์ปืนในมือ คฑาวุธคาดไม่ถึง เอ่ยชมเธอว่าสุดยอดจริงๆ สาวใหญ่ได้โอกาสพูดทีเล่นทีจริงว่า
“เพราะฉะนั้นจงกลัวฉันเอาไว้ให้ดี...แล้วนี่ติดต่อเปมี่ได้หรือยัง”
“ยังครับ เธอหายไปไหนไม่ทราบ”
“บ้าจริง มันหายไปไหนของมันกันนะ จะว่าไปมัลดีฟกับลิลลี่ก็ไม่ใช่”
“พรุ่งนี้ผมจะลองไปหาเธอสองคนที่กองถ่ายครับ”
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้นลิลลี่โดนธาวินบังคับให้กินข้าว แต่เธอกังวลเรื่องงานที่กองถ่ายจนไม่มีกะจิตกะใจจะกิน ขวัญแก้วมาเห็นพ่อวินทำท่าจะป้อนข้าวให้นางเอกละครก็ชักสีหน้าไม่พอใจ
ธาวินแนะนำตัวลูกสาวและพี่ชายที่ตามเข้ามาอีกคน ขวัญแก้วไม่ต้องการให้พ่อป้อนข้าวลิลลี่จึงอาสาป้อนเอง แต่หญิงสาวขอกินเองดีกว่า ขวัญแก้วพอใจแต่ยังเจ้ากี้เจ้าการให้ครรชิตเฝ้าคนป่วย ส่วนตัวเองดึงพ่อวินออกไปอย่างหวงแหน
ครรชิตคุยกับลิลลี่ถูกคอ หญิงสาวรับรู้ได้ถึงอัธยาศัยเรียบง่ายและอารมณ์ดีของเขามากกว่าธาวินเป็นไหนๆ










