หากไม่หลับหูหลับตาปฏิเสธจนเกินไปนัก คงต้องยอมรับว่า "ธุรกิจเพศพาณิชย์" มีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่มหาศาล ปัจจุบันเม็ดเงินจากธุรกิจ ขายตัว อาจมากเกินกว่าหมื่นล้านต่อปีก็เป็นได้ แต่ "เพศพาณิชย์" ยังเป็นธุรกิจที่ถูกซุกอยู่ใต้พรม เงินไหลลงใต้ดิน "ไทยรัฐออนไลน์" สืบเสาะจนได้รับการเปิดเผยจากคนวงในวงการธุรกิจเพศพาณิชย์ที่ไม่ขอเปิดเผยนาม ถึงเรื่องเรตราคา ขายตัว ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ราคา ขายตัว เปลี่ยนตามยุคสมัย
"ถามเรื่องราคา มันต้องแยกก่อนว่าเป็นประเภทไหน สถานที่ใด อย่างช่วง 2513 เมียเช่า สมัยที่ทหารจีไอเข้ามา พวกทหารเขาไม่รู้จะไปตายเมื่อไหร่ ขอเช่าเมียอยู่กินเลี้ยงดูกันไปเลยเป็นเดือน ไม่ได้จ่ายเป็นการบริการแต่ละครั้งแต่ผูกขาดเลี้ยงดูกันเป็นระยะเวลานานๆ
ยุค 80 มาในยุคพาร์ตเนอร์ ยุคนั้นพาร์ตเนอร์เหมือนเป็นคู่เต้นรำในไนต์คลับ ให้ชั่วโมงละ 80 บาทมานั่งกินเป็นเพื่อน
ยุค 90 ยุค 2000s เป็นยุคหมอนวดในอาบอบนวด ตอนนั้นเขาแยกกันระหว่างคำว่าเบ็ดเสร็จกับค่าห้อง ค่าห้อง 300-400 แต่ไม่ทำอะไรนะ นวดอย่างเดียว อยากมีอะไรด้วยต้องคุยกันต่างหาก
ต่อมาพัฒนาดีขึ้น ปัจจุบันคิดราคาทุกอย่างเป็นแพ็กเกจรวมเลย เบ็ดเสร็จไม่ต้องไปต่อรองแล้ว รวมหมดเลย เดี๋ยวนี้อาบอบนวดแพงๆ เหลือน้อยไม่มีใครลงทุนแล้ว ถึงมีก็ต้องยอมรับว่าหาร้านที่มีพนักงานถึง 100 คนนี่ไม่มีแล้ว เด็กก็ไม่ได้มีคุณภาพสมราคาขนาดนั้น
ครั้นจะไปเที่ยวระดับล่างก็ไม่มีคนไทยไปทำแล้วมีแต่ต่างด้าวซึ่งคนเที่ยวก็ไม่ชอบ ถามอะไรพูดได้แค่ค่ะ ตอนนี้ราคาผู้หญิงที่เป็นคนไทยก็จะแพงกว่าต่างด้าว ราคามาตรฐานก็จะแพ็กเกจรวม 5,000 บาท ต้องบริการทางเพศให้ด้วย แล้วเงินจำนวนนี้ที่พนักงานจะได้ ก็ต้องแบ่งกันกับร้าน สมัยนี้ทั้งคนซื้อคนขายเลยติดต่อกันเอง คนขายได้เต็มๆ ไม่หักเปอร์เซ็นต์ใคร คนซื้อก็ได้ของดีถูกใจ"
...
ขายดีได้เป็นล้านแต่จุดจบไม่เคยสวยงาม
"เคยเจอผู้หญิงคนหนึ่งทำงานไม่ถึงเดือน จนได้ไปเจอเสี่ยมีตังค์ เสี่ยพาไปดูเลยจะเอาบ้านหลังไหนไปจิ้มเอาเลย พ่อของเด็กขับรถรับจ้าง เสี่ยบอกไม่ต้องขับแล้วรถรับจ้าง เดี๋ยวเปิดอู่รถให้
แต่เด็กคนนี้อยู่กับเสี่ยคนนี้ไม่ถึงปี ส่งเรียนอินเตอร์ด้วยนะ ให้บ้านราคาเป็น 10 ล้าน ให้ธุรกิจให้พ่อได้มีงานประจำ ท้ายที่สุดเด็กคนนี้ก็กลับมาซ้อนมอเตอร์ไซค์เป็นสก๊อย ของพวกนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง
คือเรื่องที่ผมบอก ถามว่าให้บริการกันเสร็จมีติดใจรับเลี้ยงเลยมั้ย มีสิเสี่ยเลี้ยง มีเยอะแยะแต่การที่ไปอยู่ด้วยกันไม่ได้หมายความว่าคุณจะอยู่กันยืดเพราะปฏิเสธความเป็นจริงไม่ได้ ในเมื่อมีพื้นฐานที่ต่างกัน มีความเป็นมาที่ต่างกัน คุณอยู่ด้วยกันด้วยเซ็กซ์ไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วยเรื่องอื่น ดังนั้นมันก็จบด้วยเซ็กซ์นั่นแหละ
ถามว่าอาชีพนี้คนได้ดีเยอะไหมก็มี แต่ถามว่าคนเสียคนเยอะไหม โอ้โห มหาศาล เมื่อคุณอายุผ่านไป 28 ก็เริ่มหมดสภาพแล้ว 30 ก็ไม่ไหวแล้ว บางคนก็ฝืนอยู่จน 35 ก็กลายเป็นคุณป้าประจำอ่างแล้ว เมื่อเทียบกับเด็กอายุ 20 คุณห่างจากเขาตั้ง 15 ปี แล้วของพวกนี้ใครก็ชอบสดๆ ใหม่ๆ พวกคุณมาด้วยร่างกายก็ต้องยอมรับตรงนี้ หมดช่วงวัยก็หมดราคา มันคือความจริงที่โหดร้าย"
เปิดเรตราคาตั้งแต่ 200 สูงสุด 20,000!
"ต้องบอกก่อนว่าอาบ อบ นวดในต่างจังหวัด อาบอบนวดในกรุงเทพฯ ราคาก็ไม่เท่ากัน อาบอบนวด เพชรบุรีกับรัชดาฯ ก็ราคาไม่เท่ากัน ก็เหมือนไปเดินห้างบิ๊กซี โลตัสคงเทียบกับพารากอนไม่ได้ฉันใดฉันนั้น นี่แค่พูดถึงระดับเด็กธรรมดานะ ยังไม่ได้พูดถึงพวกอัปราคาจากการเป็นเซเลบคนดัง"
สถานบริการเกรด A ย่านรัชดาฯ
ต่อรอบ (1 รอบ=2 ชั่วโมง) ต่ำสุด 6,000-8,000 บาท สูงไปถึง 10,000-20,000 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคาเด็กตู้ ราคาไซด์ไลน์ที่มาจอยกับสถานบริการจ่ายเพิ่ม 1,000-5,000 บาท)
สถานบริการเกรด C ย่านเพชรบุรี คลองตัน
ต่อรอบ เริ่มต้นที่ 2,000-3,000 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคาเด็กตู้ ราคาไซด์ไลน์ที่มาจอยกับสถานบริการจ่ายเพิ่มขั้นต่ำ 1,000 บาท)
คลองหลอด
ต่อรอบ 200-300 บาท (ค่าห้องลูกค้าออกเอง)
สาวไซด์ไลน์รับงานเอง
1,500 บาท 1 ครั้งต่อ 1 ชั่วโมง
2,500 บาท 2 ครั้งต่อ 2 ชั่วโมง
3,500 บาท 3 ครั้งต่อ 3 ชั่วโมง
ค้างคืน 4,000 บาท อันลิมิเต็ด
"แกล้งมองไม่เห็น" ธุรกิจเพศพาณิชย์เม็ดเงินที่หล่นหาย
จากสถิติของ ศูนย์ข้อมูลกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี 2547-2556 ในกรุงเทพฯ มีสถานอาบอบนวด 527 แห่ง ซึ่งจากข้อมูลของ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ประมาณการไว้ว่าอาบอบนวดแต่ละแห่งอาจมีผู้ให้บริการประมาณ 50 คน หากสมมติให้รายได้จากการนวดแต่ละครั้งตก 1,500 บาท คนหนึ่งทำงาน 3 ครั้งต่อวัน ธุรกิจอาบอบนวดก็จะทำเงินประมาณ 82,125 ล้านบาทต่อปี
...
ขณะที่ภาคนิพนธ์ ปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตเจ้าพ่ออ่างชื่อดัง เมื่อปี 2551 เรื่อง "ธุรกิจนอกระบบ : ศึกษากรณีการค้าบริการทางเพศในสังคมไทย" ได้ให้ข้อมูลภาพรวมไว้ว่า รายได้ที่เกิดจากธุรกิจให้บริการทางเพศทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2550 มีมูลค่าถึง 163,839 ล้านบาท
ซึ่งธุรกิจที่ทำรายได้เป็น อันดับ 1 คือ สถานบริการประเภทนวดแผนโบราณ ที่มีมูลค่าสูงถึง 36,427 ล้านบาท หรือ 22%
อันดับ 2 คือ สถานบริการประเภทบาร์เบียร์ มีมูลค่าประมาณ 26,402 ล้านบาท
อันดับ 3 คืออาบอบนวด มีมูลค่าอยู่ที่ 23,803 ล้านบาท
อันดับ 4 คาราโอเกะ 19,442 ล้านบาท
อันดับ 5 สำนักหรือซ่อง 17,650 ล้านบาท
และในภาคนิพนธ์ยังให้ข้อมูลสรุปว่ารายได้รวมของธุรกิจค้าบริการทางเพศ (ณ ปี 2550) อยู่ที่ประมาณ 174,050 ล้านบาท เทียบกับ GDP ของไทยในปี 2550 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 8.5 ล้านล้านบาท รายได้จากการค้าประเวณีคิดเป็นสัดส่วน 2% ต่อจีดีพี
12 ปีผ่านไปพ.ศ.2562 แม้โมเดลธุรกิจนี้จะเปลี่ยนไปจากอัครสถาน อาบ อบ นวดสู่ธุรกิจฟรีแลนซ์สาวไซด์ไลน์รับงานเองผ่านโซเชียลมีเดีย แม่เล้าถูกเปลี่ยนเป็นโมเดลลิ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือธุรกิจนี้ยังคงมีเม็ดเงินมหาศาล และที่ไม่เปลี่ยนอีกเช่นกันคือทางการไทยก็ยังคง "แกล้งมองไม่เห็น" เงินเหล่านี้จึงถูกทำให้อยู่นอกระบบมาตลอดกาล
...
คิดเล่นๆ ปี 2550 "ธุรกิจเพศพาณิชย์" ทำรายได้รวม 174,050 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2% ต่อ GDP ของไทย
12 ปีที่ผ่านไปหากเม็ดเงินเหล่านี้มีการเสียภาษีถูกต้อง ถูกดึงมาอยู่ในระบบทุกๆ ปี เงินมหาศาลเหล่านี้อาจถูกเปลี่ยนเป็นสวัสดิการที่ดีขึ้นของหญิงชายอาชีพให้บริการ อาจจะนำมาสร้างประโยชน์ในสังคมได้อีกเยอะ
แต่ก็นั่นละน้า เมื่อเงินทั้งหมดถูกตีตราว่าเป็น "เงินบาปจากน้ำกาม" ก็เลยทำคนบางกลุ่มเป๋าตุงอิ่มแปล้.
อ่านเพิ่มเติม รายงานพิเศษ "ขายตัว แต่ไม่ขายใจ"
- ชีวิตยิ่งกว่านิยาย มุมมืด “ชายขายกาม” ทำมากกว่ามี Sex แฉกลมิจฉาชีพคราบลูกค้า
- เปิดม่าน คาวโลกีย์ เมื่อร่างกาย คือ สินค้า ใครเล่าจะบำบัด หัวใจ โสเภณี
- ‘เร่งรับแขกจ่ายค่าเช่าห้อง’ ชะตากรรมเศร้าๆ สาวขายบริการที่อัมสเตอร์ดัม
- ช่องโหว่กฎหมาย "อาบอบนวด" อนาคตล่มสลายหรือไม่มีวันตาย "ชูวิทย์" ฟันธง
- หญิงขายบริการ ถูกตราหน้าโสเภณี โดนละเมิดกดขี่ซ้ำๆ ทำไมไม่เลิกทำอาชีพ
- เปิดราคา "พลีกายแลกเงิน" ขายตัวถูกเหลือเชื่อ แพงมหาศาล ใครเป๋าตุง