ชอบ อีลอน มัสก์ แต่เงินไม่พอซื้อรถเทสล่า เลยขอสานฝันซื้อหุ้น Tesla แทน

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ชอบ อีลอน มัสก์ แต่เงินไม่พอซื้อรถเทสล่า เลยขอสานฝันซื้อหุ้น Tesla แทน

Date Time: 15 ธ.ค. 2563 08:14 น.

Video

ดร.พิพัฒน์ KKP กระเทาะโจทย์เศรษฐกิจไทย บุญเก่าเจอความเสี่ยง บุญใหม่มาไม่ทัน

Summary

  • ปัจจัยบวกแรกที่สำคัญคือ กฎหมายของทั่วโลกที่กระตุ้นให้เกิดการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เช่น ที่อังกฤษ ภายในปี 2030 รถยนต์ใหม่ที่ขายต้องไม่ใช่รถยนต์ใช้เชื้อเพลิง หรือรถยนต์สันดาป

Latest


  •  รู้จัก Elon Musk เขาคือโทนี่ สตาร์ค ในโลกแห่งความเป็นจริง 
  •  ทำไมเราถึงต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี
  •  รู้ไหมนักลงทุนไทยสามารถลงทุนกับบริษัท Tesla ได้ด้วยการซื้อกองทุนรวม 

อีลอน มัสก์ หรือ Elon Musk นักธุรกิจและผู้ก่อตั้ง-ซีอีโอ บริษัท เทสล่า และสเปซเอ็กซ์ วัย 49 ปี เพิ่งจะขึ้นแท่นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แน่นอนว่า เขาได้โค่นแชมป์เก่า "บิล เกตส์" ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ไปเสียแล้ว

ที่สำคัญเวลาพูดชื่อของ อีลอน มัสก์ หลายๆ คนมักจะเห็นภาพของ โทนี่ สตาร์ค ตัวเอกในเรื่อง Iron Man ผุดขึ้นมาในหัวเพราะคาแรกเตอร์ของทั้ง 2 มีความคล้ายคลึงกันมากๆ ซึ่ง โจนาธาน แฟฟโรว์ ผู้กำกับก็กังวลใจไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าจะสร้างโทนี่ สตาร์คให้ออกมาสมจริงอย่างไร กระทั่ง โรเบิร์ต ดาวนีย์จูเนียร์ ก็แนะนำให้เขาไปพบกับอีลอน มัสก์ และนั่นก็ทำให้ตัวละคร โทนี่ สตาร์ค อยู่ในใจใครหลายคน ที่สำคัญอีลอน มัสก์ ยังได้เป็นแขกรับเชิญใน Iron Man ภาค 2 อีกด้วย

เมื่อหลายวันก่อน เศรษฐินีศรีราชา เห็นรถ Tesla จอดอยู่หน้าบริษัท บอกได้คำเดียวว่า สวย โดนใจ และรักโลกสุดๆ แต่พอมองเงินในกระเป๋าก็ตัวเองก็ได้ แต่คิดถ้าถูกหวย 12 ล้านก็น่าจะยังไม่พอซื้อ จากนั้นก็เก็บมานั่งคิด "เอ๊ะ ถ้าเงินไม่พอซื้อรถ ก็ซื้อหุ้นบริษัท Tesla เลยสิ เลยคนอาจจะบอกว่า บ้าหรือเปล่า แต่อยากจะบอกว่า เรื่องจริงน่ะ ทำได้นะ"

แน่นอนว่าการหาข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญเศรษฐินีศรีราชา จึงขอสายตรงไปยัง "ติยะชัย ชอง" กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เพื่อสอบถามว่าในฐานะผู้จัดการกองทุน และถือเป็นนักลงทุนคนหนึ่ง เขามีมุมมองอย่างไรกับชายที่ชื่อว่า "Elon Musk"

ติยะชัย บอกว่า จริงๆ แล้ว Elon Musk เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก เขากล้าเปลี่ยนแปลง และมีความพยายาม มีความอดทนสูง สิ่งที่ผมเรียนรู้จาก Elon Musk คือ การใช้ First Principles ในการแก้ปัญหา

โดยเขาเจาะถึงสาเหตุ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะแก้ปัญหาด้วยการเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นๆ แต่ First Principles นั้นเป็นการแก้ไขจากพื้นฐานเป็นหลัก และไม่เปรียบเทียบกับสิ่งใกล้เคียง เช่น การที่เขาสร้างจรวดขึ้นมาเอง แทนที่จะไปซื้อจากรัสเซีย

ทั้งนี้ First Principles คือ พื้นฐานของนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ แทนที่จะคิดในมุมเปรียบเทียบกับสิ่งที่ใกล้เคียง (Analogy) ดังนั้น การสร้างจรวดลำแรกของ SpecX คือ การไปหาวัตถุดิบ อะไหล่ และทีมงานเพื่อจะสร้างจรวดขึ้นมาใหม่ แทนที่จะซื้อจรวดที่มีอยู่แล้ว ทำให้ SpecX ประหยัดต้นทุนไป 10 เท่า

สำหรับความน่าสนใจของบริษัท Tesla ผมมองว่า ปัจจัยบวกแรกที่สำคัญคือ กฎหมายของทั่วโลกที่กระตุ้นให้เกิดการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เช่น ที่อังกฤษ ภายในปี 2030 รถยนต์ใหม่ที่ขายต้องไม่ใช่รถยนต์ใช้เชื้อเพลิง หรือ รถยนต์สันดาป ขณะที่ประเทศจีนเองก็มีนโยบายว่า ภายในปี 2035 รถยนต์ใหม่ 50% ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือ Hybrid

ปัจจัยที่ 2 คือ Tesla เป็นผู้นำตลาดในด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ 1. ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 2. เทคโนโลยีไร้คนขับ และ 3. คือนวัตกรรมการผลิต Giga Factory คือ โรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุด ทำให้คู่แข่งที่ใกล้เคียงกับ Tesla ต้องใช้เวลา 3-5 ปี จึงจะตามเทคโนโลยีเหล่านี้ของ Tesla ได้ทันนั่นเอง


ทำไมเราถึงต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี

มาถึงตรงนี้หลายๆ คนคงอยากลงทุนในบริษัท Tesla แล้ว แต่ในความเป็นจริงยังมีหุ้นในกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกเพียบ ติยะชัย บอกว่า จริงๆ แล้วนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นพลังขับเคลื่อนสำหรับเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันและอนาคต

สิ่งที่พบในช่วงก่อนและหลัง โควิด-19  คือ พฤติกรรมของคนเปลี่ยนแปลงถาวร โดยบทวิเคราะห์ของ 3 องค์กรระดับโลก คือ Google, Bain Consulting และ Temasek สรุปตรงกันว่า 1 ใน 3 ของประชากรอาเซียน มีการใช้เทคโนโลยีหรือทำธุรกรรมออนไลน์ เป็นครั้งแรกในชีวิตในช่วงโควิด เช่น การซื้อของออนไลน์ และในจำนวนนี้มากกว่า 90% จะยังคงใช้ธุรกรรมออนไลน์ต่อไป ถึงแม้ว่าไม่มีการล็อกดาวน์ เช่น กรณีการใช้แอปเป๋าตัง ในประเทศไทย

นอกจากนี้ คำว่า นวัตกรรม หรือ Innovation มีความหมายกว้างกว่า Technology ซึ่ง 1 ใน Innovation ที่สำคัญคือ นวัตกรรมทางการแพทย์ โดยเฉพาะการวิเคราะห์พันธุกรรม เพราะความก้าวหน้าของนวัตกรรมดังกล่าว ทำให้หลายบริษัทธุรกิจยา และเวชภัณฑ์สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว และนวัตกรรม RNA นี้ สามารถใช้ต่อเนื่องในการรักษาโรคอื่นๆ ในอนาคตได้ด้วย เช่น เซลล์ เม็ดเลือดผิดปกติ หรือ โรคมะเร็ง เป็นต้น

ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ค่อนข้างแพงเห็นแบบนี้แล้วจะยังพอซื้อเก็บพอร์ตได้หรือไม่ "ติยะชัย" บอกว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเหล่านี้ ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร เช่น ทำให้มีผู้ใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ขยายวงกว้างมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ต้องระมัดระวังในการวิเคราะห์แต่ละบริษัท เพื่อจะได้เข้าใจมูลค่าที่แท้จริงและความเสี่ยงต่างๆ ที่จะมีผลกระทบบริษัทเหล่านี้ในการเปรียบเทียบราคาที่เหมาะสม

แนะนำทยอยเข้าลงทุนแบบทยอยเข้าสะสมในระยะยาว หรือ DCA ก็ได้ เพราะนักลงทุนไม่สามารถ control ราคาตลาดได้ แต่เราสามารถ control การกระจายและจัดพอร์ตลงทุนของเราเองได้ (Asset allocation) เพราะนักลงทุนที่ Buy & hold ในระยะยาว ได้เปรียบกว่า การซื้อแบบจับจังหวะ Market Timing การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ เราไม่แนะนำ ซื้อและถือระยะสั้นแล้วขายออก เพียงแค่ได้กำไร 10-15% จะทำให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสได้กำไรมากกว่านี้ในระยะยาว

"แม้ธีมเทคโนโลยียังเติบโตต่อ แต่นักลงทุนต้องเข้าใจความเสี่ยงที่คุณรับได้ก่อนเข้าลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี และต้องติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดด้วย แนะนำควรลงทุนแบบ Asset Allocation น่าจะเหมาะสมกว่าการนำเงินลงทุนทั้งก้อนของตนเองลงทุนในกลุ่มนี้กลุ่มเดียว หรือแนะนำลงทุนในกองทุนรวมที่อย่างน้อยมีผู้จัดการลงทุนคอยดูแลให้"

ติยะชัย ทิ้งท้ายว่า บลจ.เราก็มีกองทุนที่ไปลงทุนในหุ้น Tesla คือ กองทุน PWIN และ PWINRMF ซึ่งทั้ง 2 กองทุนจะค้นหาและลงทุนในบริษัทที่มีพลังขับเคลื่อนอีกยาวในอนาคต และอาจจะเป็นบริษัทที่หลายคนยังไม่คุ้นเคย เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงการเกิดฟองสบู่ในอนาคต

เช่น บริษัท CRISPR Therapeutics เป็นผู้นำตลาดนวัตกรรมวิเคราะห์และดัดแปลงพันธุกรรม หรือ Pinduoduo เป็นบริษัท E-commerce ในเมืองจีน ที่เชื่อมระบบซื้อขายสินค้ากับระบบ Chat ของผู้บริโภค ทำให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคและแนะนำสินค้าให้แก่ลูกค้าอย่างแม่นยำด้วยระบบ AI อีกด้วย


นักลงทุนไทยสามารถลงทุนกับบริษัท Tesla ได้ด้วยการซื้อกองทุนรวม

อยากจะกู่ร้องให้ก้องประเทศไทยว่า เราสามารถเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท Tesla แม้จะเป็นการซื้อผ่านกองทุนรวมในไทย ซึ่งไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่จะเข้าไปลงทุนใน Tesla อีกที หรือบางกองทุนจะมีการกระจายการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Innovation และ Technology แต่ก็มีการลงทุนใน Tesla อยู่นั้นด้วย

แต่สิ่งทำให้เศรษฐินีศรีราชา อดภูมิใจไม่ได้ เพราะฝันนี้เป็นจริงแล้ว บางคนอาจจะสงสัยมีเงินเท่าไรถึงซื้อได้ อยากจะตอบแบบเสียงดังฟังชัด เพราะหลายๆ กองทุนที่กำลังจะกล่าวต่อไปนี้ เริ่มลงทุนครั้งแรกเฉลี่ย 500-1,000 บาทเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่อยากจะเตือนก่อนจะลงทุนควรทำความเข้าใจในการลงทุนให้ดีก่อน และอย่าลืมทำแบบประเมินความเสี่ยงที่เรารับได้ก่อนลงทุนด้วย อันนี้แหละสำคัญมากๆ

สำหรับกองทุนที่เศรษฐินีศรีราชา พอจะรวบรวมข้อมูลมาได้มี ดังนี้

1. PWIN, PWINRMF ของ บลจ.ฟิลลิป
2. K-CHANGE-SSF, K-CHANGE-A(A) ของ บลจ.กสิกรไทย
3. ONE-UGG-RA, ONE-UGG-ASS, ONE-DISC-RA ของ บลจ.วรรณ
4. KT-WTAI-A ของ บลจ.กรุงไทย
5. TMB-ES-GINNO ของ บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง
6. TNEXTGEN ของ บลจ.ทิสโก้
7. KF-GTECH ของ บลจ.กรุงศรี

ผู้เขียน : เศรษฐินีศรีราชา
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ