“อุตตม” มั่นใจรัฐบาลเบิกจ่ายงบฯ ปี 63 ได้ไม่น้อยกว่า 80% พร้อมเร่งอัดเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ระลอกแรกรวม 500,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้หากไวรัสโควิด–19 คลี่คลายภายในเดือน ก.ค.นี้ การท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ประธานสภาธุรกิจตลาดทุน เผยนักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์มีความมั่นใจมากขึ้น หลังฟังแผนการดูแลสถานการณ์เศรษฐกิจของรัฐบาลจาก รมว.คลัง
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวหลังพบนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า นักลงทุนและผู้จัดการกองทุนรายใหญ่สนใจถามกระทรวงการ คลังอยู่ 2-3 เรื่อง คือ มาตรการที่ภาครัฐใช้ดูแลสถานการณ์ในช่วงนี้ และเมื่อใช้มาตรการแล้วเศรษฐกิจในอนาคตจะเป็นอย่างไร รวมถึงแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณปี 63 ด้วย
“ผมได้อธิบายให้กับนักลงทุนฟังถึงแผนงานการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีเวลาใช้จ่ายในอีก 6 เดือน ก่อนหมดปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยจะพยายามเบิกจ่ายให้ได้ 80% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด 3.2 ล้านล้านบาท สำหรับในส่วนของงบประจำ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาและจะเบิกจ่ายได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากกระทรวงการคลังเร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆให้เตรียมพร้อมการเบิกจ่ายไว้ตามแผนงาน”
ส่วนงบลงทุนราว 640,000 ล้านบาทนั้น สำนักงบประมาณประเมินไว้ว่า จะมีงบประมาณจำนวน 350,000 ล้านบาท ที่สามารถเบิกจ่ายได้ทันทีเมื่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณมีผลบังคับใช้ ส่วนอีกจำนวน 96,000 ล้านบาท ได้มีการจัดทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์)ไว้แล้ว และพร้อมปล่อยเงินในส่วนนี้ออกมา โดยเมื่อรวมเม็ดเงินงบประมาณของทั้ง 2 ส่วน จะมีเม็ดเงินกว่า 400,000 ล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 2 ส่วนงบลงทุนที่เหลืออีกกว่า 240,000 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างเตรียมการทำทีโออาร์ คาดว่าใช้เวลา 45-50 วัน น่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ภายในไตรมาส 2 และไตรมาส 3
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังตั้งเป้าหมายเบิกจ่ายการลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 100,000 ล้านบาทในเดือน มี.ค.63 จากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น 350,000 ล้านบาท โดยตั้ง เป้าหมายเบิกจ่ายให้ได้ 80% ของงบลงทุน รวมถึงเร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐจัดสัมมนาในต่างจังหวัดให้เร็วขึ้น จากเดิมต้องรอช่วงปลายปีงบประมาณ และกำชับให้กรมบัญชีกลางเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเกี่ยวกับภัยแล้งทันทีเมื่อกระทรวงมหาดไทยประกาศเขตภัยแล้ง
“เงินก้อนแรกที่รัฐบาลจะเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนจากภาครัฐ 400,000 ล้านบาท ภายในไตรมาส 2 และเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจอีก 100,000 ล้านบาท รวมเม็ดเงินกว่า 500,000 ล้านบาท เพื่อดูแลเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเวลานี้
อย่างเร่งด่วนที่ทุกคนเป็นห่วง ทั้งเรื่องสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลมีชุดมาตรการกระตุ้น ทั้งการอุปโภคบริโภค การลงทุน ภาคการเกษตร และภัยแล้ง”
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว และเตรียมจะออกมาตรการเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งเป็นผลจากการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าต้องดูแลเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบ
และผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
ส่วนในระยะยาวต้องมีการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้ เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งต้องเดินคู่ขนานกับการดูแลเศรษฐกิจในระยะสั้น
“เศรษฐกิจในระยะต่อไปคงขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจโลก แม้จะมีแนวโน้มที่ดีสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนที่คลี่คลาย แต่ยังมีการแทรกซ้อนจากไวรัสโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย และถ้าไวรัสเริ่มคลี่คลาย คาดว่าไว้ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจน่าจะรีบาวด์ หรือฟื้นตัวกลับมาได้”
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยหลังพบ รมว.คลัง ว่า ภายหลังนักลงทุนสถาบัน ผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์ได้ฟังนโยบายและมาตรการจากนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่ได้ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ปัญหาและดูแลเศรษฐกิจในสถานการณ์ปัจจุบันและทิศทางต่อไปในอนาคต ว่า ได้สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนสถาบันมากขึ้น โดยรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงมาตรการดูแลทั้งจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภาวะภัยแล้ง และการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ที่จะมีการเร่งเบิกจ่ายได้ตามปกติ.