นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้สหกรณ์ออมทรัพย์การรถไฟ บริหารจัดการได้ตามปกติ แม้มีปัญหากรณีอดีตผู้บริหารกับพวกรวม 6 ราย ปล่อยเงินกู้ 199 สัญญา วงเงิน 2,200 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินคดี โดยวันที่ 16 ม.ค.นี้จะส่งฟ้องต่อสำนักงาน อัยการสูงสุด ทั้งนี้ การบริหารงานปัจจุบันมีสภาพคล่องเดือนละ 50 ล้านบาท สามารถปล่อยกู้ให้กับสมาชิกได้ แต่การถอนเงินฝากจะขอความร่วมมือทำได้ไม่เกิน 10% ของยอดเงินฝากไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเงินทุนหมุนเวียน สำหรับ 5 สหกรณ์เจ้าหนี้ของสหกรณ์สโมสรรถไฟ ได้ยื่นฟ้องเรียกร้องหนี้แล้ว 3 ราย คือ สหกรณ์ออมทรัพย์โรงพยาบาลพญาไท สหกรณ์ออมทรัพย์วชิรพยาบาลและสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ แต่สหกรณ์ออมทรัพย์การยางแห่งประเทศไทย และสหกรณ์ออมทรัพย์สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมวงเงิน 800 ล้านบาท ยังไม่ยื่นฟ้อง ซึ่งกรมเห็นว่าควรยื่นฟ้องเพื่อรักษาสิทธิ์การชำระหนี้ของสหกรณ์สโมสรรถไฟเอาไว้
“กรณีที่กังวลว่าปัญหาสหกรณ์สโมสรรถไฟจะส่งผลกระทบกับสมาชิกของสหกรณ์เองและสหกรณ์ผู้เป็นเจ้าหนี้รวมกว่า 10,000 คนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะสหกรณ์สโมสรรถไฟยังทำงานได้ปกติ แต่หาก 2 สหกรณ์ไม่ฟ้องร้องดำเนินคดี จะมีผลกระทบกับสมาชิกของทั้ง 2 สหกรณ์ กว่า 4,000 คน และปัญหาของสหกรณ์สโมสรรถไฟถือว่ายังไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ที่มีการตบแต่งบัญชี ติดตามตรวจสอบยาก ขณะที่สหกรณ์สโมสรรถไฟ ระบบการเอกซเรย์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่ตั้งทีมวิเคราะห์ความเสี่ยงได้ตรวจพบปัญหาก่อนจะบานปลาย ทำให้ฟ้องดำเนินคดีกับอดีตคณะกรรมการสหกรณ์ฯได้ทัน และเพื่อลดความเสี่ยง จะมีการคุมอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไม่ให้สูงเกินไปจากปัจจุบันที่ไม่เกิน 4% และลดเพดานเงินปันผลลงจากปัจจุบันกำหนดที่ 10%”
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการแก้ไขกฎกระทรวงฯ ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เช่น กำหนดเกณฑ์ในการเปิดสหกรณ์ โดยผู้เปิดต้องมีหลักทรัพย์ที่มั่นคง ถึงจะให้รับฝากเงินได้ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย การตั้งเพดานอัตราเงินกู้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนกรณีที่ 15 สหกรณ์ที่นำเงินมาฝากกับสหกรณ์สโมสรรถไฟนั้น เบื้องต้นชำระคืนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท จากหนี้ทั้งหมด 1,800 ล้านบาท ส่วนที่สหกรณ์สโมสรรถไฟไปกู้เงินจาก 5 สหกรณ์นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบจึงได้ชะลอการชำระหนี้ชั่วคราว.