ลดภาษีเงินได้บุคคล 10% ส่อล่ม

สรรพากรหวั่นทำรายได้รัฐหดหาย 7 หมื่นล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลัง ว่า จากกรณีพรรคพลังประชารัฐ ได้มีนโยบายลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% ในช่วงหาเสียงก่อนมีการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ปัจจุบันกรม สรรพากรมองว่าแนวทางการลดภาษีเช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากรายได้ของรัฐบาลจะหายไปถึง 70,000 ล้านบาท และกรมสรรพากรยังไม่สามารถหารายได้อื่นมาทดแทนได้ ดังนั้น แนวทางในการปฏิรูปภาษีของกระทรวงการคลัง จึง อาจจะเน้นให้ผลประโยชน์คนชั้นกลางจนถึงคนที่มีรายได้น้อยที่อยู่ในฐานภาษีแทน อาทิ การปรับลดค่าลดหย่อนบางตัว เป็นต้น ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปแนวทางปฏิรูปภาษีทั้งระบบที่ชัดเจน

อย่างไรที่ผ่านมากรมสรรพากร กังวลต่อการปรับลดภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา ตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐมาก เพราะจะส่งผลกระทบกับหลายด้าน โดยเฉพาะด้านรายได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากปัจจุบัน 70-80% ของรายได้รัฐบาลมาจากกรมสรรพากร ดังนั้นการจะปรับลดภาษีตัวใดจึงต้องคิดให้รอบคอบ

นอกจากนี้ รายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถือเป็นฐานรายได้ของกรมสรรพากรที่มั่นคงพอสมควร เนื่องจากประชาชนที่เป็นพนักงานและทำงานในบริษัททุกคนจะต้องจ่าย ขณะที่รายได้จากภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีคนยื่นแบบภาษีราว 11 ล้านคน แต่ในจำนวนนี้มีคนเสียภาษีเพียง 4 ล้านคน

ที่เหลือ 7 ล้านคน มีรายได้ยังไม่พ้นรายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษี (คนที่มีรายได้ไม่เกิน 26,583.33 บาทต่อเดือน) นอกจากนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อปรับปรุงค่าลดหย่อนและยกเว้นทางภาษีทั้งหมด ซึ่งรวมแล้วเงินลดหย่อนยกเว้นทั้งหมดทุกรายการรวมเป็นวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาทต่อคน เนื่องจากคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากค่าลดหย่อนนั้นคือ คนรวย 20% แรกของประเทศ ซึ่งกรมสรรพากรจะพิจารณาว่าค่าลดหย่อนใด ที่ยังจำเป็นและค่าลดหย่อนใดที่ไม่มีความจำเป็นแล้วก็อาจจะตัดออกไป.