นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง นายซูซูมุ มัตสึดะ ประธาน Toyota Motor Asia Pacific Pte., Ltd. เข้าเยี่ยมคารวะว่า ได้ชักชวนให้โตโยต้าใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเป็นหลักในภูมิภาค และส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แต่ผู้บริหารโตโยต้ายังรู้สึกลังเล เนื่องจากยังมีฐานการผลิตรถยนต์แบบเดิม เขายังเสียดายหม้อข้าวหม้อแกง ยังอยากเก็บเกี่ยวในธุรกิจผลิตรถยนต์แบบเดิมอยู่ จึงพยายามบอกไปว่าการปรับกระบวนการผลิตไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าต้องเร็วกว่าที่โตโยต้ากำหนดเอาไว้ เพราะคนที่เกิดหลังปี ค.ศ.2000 จะเลือกใช้แต่รถไฟฟ้า เพื่อเน้นการดูแลสิ่งแวดล้อม ถ้าไม่รีบเปลี่ยนแปลงโตโยต้าจะตกโลก
“โตโยต้าแจ้งว่าความคืบหน้าโครงการการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม หรือ Hybrid Electric Vehicle-HEV ซึ่งมีชิ้นส่วนสำคัญ ได้แก่ 1.แบตเตอรี่ หรือ Traction Motor 2.ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ หรือ BMS และ 3. ระบบควบคุมการขับขี่ หรือ DCU โดยขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้าต้องติดตั้งแบตเตอรี่จำนวนมาก ผมก็บอกให้ปรับไปใช้รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบเลย เพราะรถยนต์ไฟฟ้าจะโตมากในช่วง 5 ปีจากนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันบริษัทของจีนที่มาแรงมาก”
นายสมคิด กล่าวว่า ตนได้ชักชวนโตโยต้ามาร่วมพัฒนาการศึกษาในไทย ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการลงทุนมีมาตรการสนับสนุนด้านการศึกษา จึงเสนอให้โตโยต้าร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในไทยจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และพัฒนาบุคลากรในไทย เพื่อผลิตวิศวกร เพื่อเป็นอีกช่องทางที่จะพัฒนาบุคลากรที่มีความผูกพันกับประเทศญี่ปุ่น และอาจจัดตั้งเป็นศูนย์กลางให้กับบุคลากรในประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เช่นเดียวกับที่มีบริษัทใหญ่ๆหลายแห่ง อาทิ หัวเว่ย กูเกิล ได้เปิด Academy ในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) แล้ว
“ผมมอบให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประชุมร่วมกับอธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยว่า แต่ละมหาวิทยาลัยมีความพร้อมสร้างบุคลากรด้านใดบ้าง เพื่อดึงบริษัทเอกชนใหญ่ๆมาร่วมเพื่อผลิตบุคลากรให้พร้อมรองรับการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ เพราะขณะนี้ต่างชาติมองไทยว่าไม่มีความพร้อมเรื่องบุคลากร ซึ่งผมมองว่าไม่จำเป็นต้องผลิตระดับปริญญา แต่เอาคนที่ทำงานแล้วมาอบรมต่อยอดการทำงานได้เลย”.