เรียกได้ว่ากลายเป็นการแข่งขันกีฬาสุดไวรัลครั้งใหม่ที่ทำเอาคนทั่วโลกนั่งติดหน้าจอกันอีกครั้งกับการรับชมไลฟ์สตรีมการแข่งขันชกมวยระหว่าง Jake Paul (เจค พอล) ยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวอเมริกันและ Mike Tyson (ไมค์ ไทสัน) มือชกระดับตำนานในวัย 58 ปี โดยงานนี้แม้ว่าจะทำเอา Netflix ผู้ถ่ายทอดรายการสดถึงกับระบบล่ม แต่ก็ได้สร้างยอดเข้าชมที่แซงหน้าทุกคอนเทนต์ ทุบสถิติใหม่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนมีรายงานว่า Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมทั่วโลกกำลังพิจารณาสตรีมมวยแมตช์พิเศษของ Jake Paul ที่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่านอกจากการเป็นยูทูบเบอร์สายเกรียนแล้วเขายังเรียกตัวเองว่าเป็น “นักชก” เหมือนกัน แม้จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนในวงการอย่างเป็นทางการ แต่เขาต้องการปั้นและส่งออกคอนเทนต์ชั้นดีที่สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องพูดถึง
การดึงแม่เหล็กอย่าง Mike Tyson ดีกรีอดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่ระดับโลกยกขึ้นหิ้งมาเป็นคู่ชกที่อายุมากกว่าเขากว่าสามสิบปีกลับขึ้นสังเวียนในรอบเกือบ 20 ปี จะสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สะเทือนวงการแล้วยังมั่นใจว่าไฟต์นี้จะสามารถตกผู้ชมทั่วโลกได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ Netflix ที่กำลังสนใจ “โชว์กีฬา” ตัดสินใจซื้อคอนเทนต์หลังจากที่ไอเดียถูกนำมาเสนอขาย
ต่อมาในช่วงต้นปีนี้มีการประกาศอย่างเป็นทางการระหว่าง Netflix และ Most Valuable Promotions ว่าพวกเขากำลังร่วมมือกันจัดการแข่งขันชกมวยระหว่าง “Jake Paul vs Mike Tyson” โดยมีกำหนดการถ่ายทอดสดในวันที่ 20 กรกฎาคมปีนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม Netflix ได้ประกาศอีกครั้งว่าการแข่งขันถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากไทสันมีอาการป่วยกระทั่งถึงกำหนดฉายล่าสุดที่จัดขึ้น ณ AT&T Stadium ในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัสเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (วันเสาร์ 16 พฤศจิกายน เวลา 8.00 น.ตามเวลาไทย) และได้สร้างปรากฏการณ์การรับชมความบันเทิงครั้งใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นการกำหนดก้าวต่อไปของ Netflix
เดิมทีการรับชมกีฬาหรือการแข่งขันมวยโดยทั่วไปในสหรัฐอเมริกามักจะฉายถ่ายทอดสดผ่าน Commercial TV หรือรับชมผ่านทีวีปกติ ยุคต่อมากับระบบ Pay-per-view ที่อยากดูคอนเทนต์ไหนก็จ่ายเพิ่มเอาผ่านบริการต่าง ๆ เช่น ESPN+, DAZN หรือ Showtime จนถึงยุคของ YouTube ที่ทำให้การรับชมแบบคู่ขนานเกิดขึ้นทั่วโลก และไม่นานที่เราได้รู้จักกับ “แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง” ที่เพียงสมัครระบบสมาชิกก็สามารถเข้าถึงคลังคอนเทนต์มหาศาลในที่เดียวอย่าง Netflix, Disney+, Amazon Prime, Apple TV โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ร้านเช่าวิดีโออีกต่อไป
สตรีมมิ่งได้กลายเป็น “ประตู” บานใหม่ในการหารายได้ใหม่ของ “ธุรกิจคอนเทนต์” ที่มั่นใจว่าเข้าถึงฐานคนจากทั่วโลกได้อีกด้วย ทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ สารคดี การ์ตูน รายการทอล์กโชว์และอีกหลากหลายประเภทที่เคยถ่ายทอดสดผ่านทีวีหรือเคเบิลทีวีแต่ค่อย ๆ สูญเสียความนิยมจากพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “การแข่งขันกีฬา” นั่นเอง
ช่วงที่ผ่านมาเราจึงเริ่มเห็นการแข่งขันกีฬายอดนิยมจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เพราะขณะเดียวกันในด้านของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเองก็ต้องต่อชีวิตแพลตฟอร์มด้วยการสรรหาคอนเทนต์ที่ถูกใจคนดูมาเสิร์ฟให้กับสมาชิกนอกเหนือจากภาพยนตร์และซีรีส์ที่เริ่มจะอิ่มตัว ซึ่งนั่นส่งผลต่อยอดสมาชิกและรายได้เช่นเดียวกัน
“คอนเทนต์กีฬา” ที่พ่วงมาด้วยฐานแฟนคลับก็ได้กลายเป็น “บ่อเงินใหม่” ที่บรรดาสตรีมมิ่งเต็มใจลงทุนซื้อลิขสิทธิ์การแข่งขันกีฬานั้น ๆ มาฉายบนแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลที่มีฐานแฟนบอลทีมต่าง ๆ อยู่ทั่วโลก อย่างการฉาย Netflix ที่จะทำให้ผู้จัดสามารถขยายฐานผู้ชมได้โดยปริยายจากฐานสมาชิกในระบบที่มีอยู่กว่า 280 ล้านคนจาก 190 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า Live Boxing ครั้งแรกของ Netflix ในครั้งนี้ที่รับชมได้เฉพาะบน Netflix เท่านั้น จะมีเรตติ้งพุ่งสูงและทำให้ Netflix ได้ประโยชน์มหาศาล
บทความเกี่ยวข้อง
ล่าสุด Netflix ได้เปิดเผยถึง “ยอดผู้เข้าชมสตรีมสด” บนแพลตฟอร์มหลังจากจบการแข่งขันที่สามารถดึงดูดผู้ชมเข้ามาดูรายการสดได้ถึง 60 ล้านครัวเรือนทั่วโลก โดยมีผู้ชมพร้อมกันสูงสุดที่ 65 ล้านคนที่เข้ามาดูพร้อมกัน แซงหน้าการแข่งขันยอดนิยมระหว่าง “Amanda Serrano vs Katie Taylor” ที่มียอดผู้เข้าชมราว 50 ล้านครัวเรือนทั่วโลก และยังทุบสถิติเรตติ้ง “The Roast of Tom Brady” รายการถ่ายทอดสดแนวคอมเมดี้ที่ดำเนินรายการโดย Tom Brady นักกีฬา NFL ระดับตำนานที่ทำยอดผู้เข้าชมพร้อมกันสูงสุดก่อนหน้านี้ประมาณ 1.8 ล้านคน
ที่ผ่านมา Netflix เริ่มถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาสำคัญ ๆ ได้แก่ "Netflix Cup" การแข่งขันระหว่างนักแข่งฟอร์มูล่าวันในเดือนพฤศจิกายน 2023 การแข่งขันกอล์ฟ “PGA Tour” ตามมาด้วย "Netflix Slam" การแข่งขันเทนนิสระหว่าง Rafael Nadal และ Carlos Alcaraz จากสเปน
นอกจากนี้ยังมีลิสต์ที่ต่อคิวยาวไปถึงปีหน้าที่แฟน ๆ หลายคนตั้งตาคอยในวันคริสต์มาสปีนี้อย่าง การแข่งขันอเมริกันฟุตบอล NFL Christmas Gameday จำนวน 2 เกม และรายการมวยปล้ำในตำนานอย่าง Raw ของ WWE (World Wrestling Entertainment) ที่ Netflix ได้เปิดเผยช่วงต้นปีนี้ถึงข้อตกลงใหม่ล่าสุดกับดีลมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่จะทำให้ Netflix กลายเป็นศูนย์รวมของรายการมวยปล้ำประจำสัปดาห์ที่สำคัญของ WWE ในปี 2025 เป็นต้นไป ตลอดจนการถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัลอย่าง SAG Awards
ขณะที่ Amazon เปิดเผยผลประกอบการล่าสุดว่าบริษัทมีการเติบโตสองหลัก เพราะ รายได้จากกลุ่มคนอายุ 18-34 ปี จาก NFL ในรายการ Thursday Night Football บนแพลตฟอร์ม และยังคาดว่าการถ่ายทอดสด Super Bowl ปี 2024 จะสร้างรายได้จากโฆษณาให้กับ Paramount มากกว่า 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งช่องทางทีวีที่ออกอากาศปกติและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Paramount+
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดึงดูดผู้ชมของศึกสะท้านโลก “Jake Paul vs Mike Tyson” ได้กลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญต่ออุตสาหกรรมสตรีมมิ่งและถือเป็นสัญญาณที่ดีให้กับ Netflix และอุตสาหกรรมสตรีมมิ่งแน่นอว่าว่าพวกเขาลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับการถ่ายทอดสดในอนาคต
อ้างอิงข้อมูลจาก CBSSport , Forbes , Warc , Sportbusinessjournal , Adweek
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -