ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นเจ้าใหญ่ของโลก ล่าสุดมีมูลค่าบริษัทที่กว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีของจีนที่มีมูลค่าสูงที่สุด ขณะเดียวกันทาง TikTok ก็ยังต้องต่อสู้เพื่อรักษาตำแหน่งโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ในสหรัฐอเมริกาและของโลก แม้จะถูกกดดันจากนโยบายแบน TikTok ทั้งของโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์
จากข้อมูลของ Wall Street Journal รายงานว่า มูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการซื้อหุ้นคืนของ ByteDance ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ก่อนหน้านี้ ByteDance ได้มีการทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) ให้กับพนักงานเมื่อปี 2023 ทำให้มูลค่าบริษัทฯ ไปแตะ 225,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และต่อมาในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน บริษัทก็ได้มีการซื้อหุ้นคืนจนทำให้มูลค่าบริษัทไปอยู่ที่ 268,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ByteDance ในช่วงที่ผ่านมาได้บอกนักลงทุนว่า มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนที่ 180 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น เนื่องจากการซื้อหุ้นคืนคือวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับนักลงทุน
เส้นทาง “ถูกแบน” ของ TikTok ในสหรัฐอเมริกาดำเนินมาตั้งแต่ปี 2020 สมัยโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีครั้งแรก ที่ได้พิจารณาแบน TikTok เนื่องจากประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จในช่วงโควิด-19
ต่อมาในสมัยโจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดี ก็ยังคงต่อยอดแบน TikTok ต่อเนื่อง ทั้งจากประเด็นที่ TikTok แนะนำเนื้อหาที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน อย่างเช่น วิดีโอลดน้ำหนักแบบสุดโต่ง จนต่อมาทางรัฐบาลสหรัฐฯ ได้แบน TikTok ออกจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ทุกอย่างที่ลงทะเบียนไว้กับรัฐบาล
ในช่วงกลางปี 2023 ทาง Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok ถูกสอบสวนนานกว่า 6 ชั่วโมงโดยรัฐสภาสหรัฐ เพื่อยืนยันว่า TikTok และบริษัทแม่ ByteDance ไม่ใช่เครื่องมือของรัฐบาลจีน นอกจากนี้ TikTok ยังถูกแบนในประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย (2020) ที่แบนแอปฯ ในทุก ๆ อุปกรณ์ ในขณะที่บางประเทศแบน TikTok เฉพาะบนอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนกับรัฐบาลเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม TikTok จะถูกแบนในสหรัฐอเมริกาหาก ByteDance ไม่ยอมขายแอปฯ นี้ให้กับบริษัทของสหรัฐฯ ภายในกลางเดือนมกราคมปีหน้า ขณะเดียวกันมีคาดการณ์ว่า ชัยชนะทรัมป์ครั้งนี้อาจจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ใหม่ของ TikTok ได้
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney