ช่วงที่ผ่านมา “Stablecoin” ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และถ้าพูดถึงผู้ที่มีบทบาทสำคัญในประเด็นเรื่อง Stablecoin คงหนีไม่พ้น Tether และ Circle สองเจ้าใหญ่ผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ทั้ง USDT และ USDC
สำหรับ Stablecoin คือ เหรียญดิจิทัลที่ผูกมูลค่าไว้กับ Fiat Currency โดย 2 เหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ USDT และ USDC เหรียญดิจิทัล Stablecoin ที่ทุก ๆ 1 เหรียญมีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคามีเสถียรภาพและมีความผันผวนต่ำแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ทำให้มีการนำ Stablecoin มาใช้งานในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่การเก็บไว้เพื่อรักษามูลค่า ใช้ซื้อ-ขาย รวมไปถึงใช้โอนเงินข้ามประเทศ โดยที่ผู้ทำธุรกรรมไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของมูลค่า เนื่องจากผูกมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ
แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า บริษัทอย่าง Circle และ Tether ออก Stablecoin แล้วตัวเองได้อะไร ทำเงินจากไหน ทำไมถึงรวยมหาศาล ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปทำความเข้าใจว่า ทั้งสองบริษัทนี้มีโมเดลอะไร หาเงินได้จากช่องทางไหน และทำกำไรได้มากน้อยเพียงใด?
Tether Holdings Limited หรือ Tether คือ หนึ่งในผู้ออก Stablecoin ที่ชื่อว่า USDT ที่มูลค่าผูกไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นเหรียญที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในตลาดคริปโตฯ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด ในเดือนธันวาคม 2024 พบว่า มูลค่าทางตลาด (Market Cap) ของ USDT สูงกว่า 139,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีปริมาณการซื้อขายสูง และมีสภาพคล่องที่ดี ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุน
ย้อนกลับไปในปี 2014 เป็นปีที่ Tether เกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาย 3 คน Reeve Collins, Craig Sellars และ Brock Pierce โดยที่ช่วงเริ่มแรกออกเหรียญที่ชื่อว่า “Realcoin” ให้ใช้งานบนเครือข่าย Bitcoin แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก จึงรีแบรนด์เป็น Tether ออกเหรียญ USDT พร้อมกับเปิดให้ใช้งานบนเชนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน จนต่อมาในปี 2015 ทางเจ้าของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตฯ จากฮ่องกง Bitfinex ได้เข้าซื้อกิจการ และเพิ่มเหรียญลงไปบนแพลตฟอร์ม ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
แต่เนื่องจากความกังวลในด้านการกำกับดูแลของฮ่องกง ทำให้เจ้าของ Bitfinex ต้องตัดสัมพันธ์กับ Tether ส่งผลให้ Tether ต้องหาคู่ค้าใหม่ จนได้ไปจับมือทางการธนาคารในเปอร์โตริโกและบาฮามาสได้ และต่อมากลับกลายเป็นว่าตลาดคริปโตฯ บูม ทาง Tether จึงกลายเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมสูง โดยเหรียญหลักของพวกเขาคือ USDT ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีปริมาณการซื้อขายและมูลค่าตลาดสูงสุด
ส่วน Circle ก็คือหนึ่งในผู้ออก Stablecoin เช่นกัน โดยเป็นผู้ออกเหรียญ USDC มีมูลค่าคงที่กับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแบบ 1:1 ซึ่ง USDC เกิดขึ้นโดย Centre Consortium เป็นคอนซอร์เทียมที่เป็นการรวมตัวกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการคริปโตฯ อย่าง Circle และ Coinbase โดยคอนซอร์เทียมนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2018
Circle ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดย Jeremy Allaire และ Sean Neville ในฐานะบริษัทฟินเทคที่ให้บริการเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและชำระคริปโตฯ ซึ่ง Circle คือผู้ออกเหรียญ USDC สร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum และต่อมาเปิดให้แลกเปลี่ยนบน 11 เชน ทั้ง Ethereum, Arbitrum, Avalanche, Solana, TRON เป็นต้น ทำให้ USDC มีฐานะเหรียญ Stablecoin ที่เปิดกว้าง, สามารถทำงานร่วมกับบล็อกเชนอื่นได้, ปลอดภัย, โปร่งใส และเชื่อถือได้ตามที่ได้มีการร่วมมือและปรับตามกฎเกณฑ์นโยบายต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 2023 ทาง Centre ได้สิ้นสุดการดำเนินงาน และโอนทุกอย่างไปที่ Circle เนื่องจากมีความชัดเจนในด้านกฎระเบียบมากขึ้น และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้าน Coinbase ก็ได้ตกลงที่จะเข้าถือหุ้นใน Circle และรับส่วนแบ่งจากรายได้ที่เป็นดอกเบี้ยจากการถือสินทรัพย์ที่หนุนมูลค่าของ USDC
และจากข้อมูลล่าสุดในเดือนธันวาคม ปี 2024 พบว่า USDC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่เกือบ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าทั้ง Tether และ Circle จะทำหน้าที่ในการออกเหรียญ Stablecoin ที่หนุนด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐเช่นเดียวกัน แต่ทั้ง 2 ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ในโลกคริปโตฯ ด้วยเช่นกัน
Tether ทำธุรกิจดังนี้
Circle ทำธุรกิจดังนี้
เนื่องจากทั้งสององค์กรทำการออกเหรียญ Stablecoin จึงต้องมีการนำสินทรัพย์มาเพื่อค้ำประกันเหรียญ ดังนั้น ทั้งสองจึงสามารถทำเงินได้จากดอกเบี้ยในสินทรัพย์ต่าง ๆ นั่นเอง โดยสามารถแยกรายละเอียดรูปแบบการทำเงินของธุรกิจออกมาได้ ดังนี้
โมเดลธุรกิจของ Tether
และเนื่องจาก Tether มีโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ (Minimal Operating Costs) และเน้นการดำเนินงานภายใน ส่งผลให้มียอดกำไรสูง อีกทั้งบริษัทยังตั้งอยู่ในเขตนอกชายฝั่ง (Offshore) เช่น หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ทำให้สามารถลดความเข้มงวดด้านกฎระเบียบและภาระภาษี
โมเดลธุรกิจของ Circle
นอกจากนี้ USDC ของ Circle ยังมีการดำเนินการบนหลายบล็อกเชน เช่น Ethereum, Solana, Avalanche อีกทั้ง ทาง Circle ยังได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการใช้งาน แม้ว่ารายละเอียดการแบ่งรายได้โดยตรงอาจไม่ชัดเจน แต่การเติบโตของระบบนิเวศบล็อกเชนก็ช่วยสนับสนุนธุรกิจของ Circle ทางอ้อม
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney