เจาะโมเดลธุรกิจผู้สร้าง USDT-USDC ยักษ์ใหญ่ Stablecoin ทำอย่างไรถึงกำไรมหาศาล?

Tech & Innovation

Digital Assets

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เจาะโมเดลธุรกิจผู้สร้าง USDT-USDC ยักษ์ใหญ่ Stablecoin ทำอย่างไรถึงกำไรมหาศาล?

Date Time: 26 ธ.ค. 2567 12:27 น.

Video

โลกร้อน ทำคนจนกว่าที่คิด "คาร์บอนเครดิต" โอกาสในเศรษฐกิจโลกใหม่

Summary

  • เคยสงสัยกันไหมว่าบริษัทอย่าง Circle และ Tether ผู้ออก Stablecoin ที่กำลังถูกพูดถึงกันหนาหู ว่าธุรกิจนี้ตัวเองได้อะไร ทำเงินจากไหน ทำไมถึงรวยมหาศาล ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปทำความเข้าใจว่า ทั้งสองบริษัทนี้มีโมเดลอะไร หาเงินได้จากช่องทางไหน และทำกำไรได้มากน้อยเพียงใด?

Latest


ช่วงที่ผ่านมา “Stablecoin” ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอย่างต่อเนื่อง และถ้าพูดถึงผู้ที่มีบทบาทสำคัญในประเด็นเรื่อง Stablecoin คงหนีไม่พ้น Tether และ Circle สองเจ้าใหญ่ผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ทั้ง USDT และ USDC

สำหรับ Stablecoin คือ เหรียญดิจิทัลที่ผูกมูลค่าไว้กับ Fiat Currency โดย 2 เหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ USDT และ USDC เหรียญดิจิทัล Stablecoin ที่ทุก ๆ 1 เหรียญมีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคามีเสถียรภาพและมีความผันผวนต่ำแตกต่างจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ทำให้มีการนำ Stablecoin มาใช้งานในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่การเก็บไว้เพื่อรักษามูลค่า ใช้ซื้อ-ขาย รวมไปถึงใช้โอนเงินข้ามประเทศ โดยที่ผู้ทำธุรกรรมไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงของมูลค่า เนื่องจากผูกมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ

แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า บริษัทอย่าง Circle และ Tether ออก Stablecoin แล้วตัวเองได้อะไร ทำเงินจากไหน ทำไมถึงรวยมหาศาล ในบทความนี้ Thairath Money คอลัมน์ How to Make Money จะพาไปทำความเข้าใจว่า ทั้งสองบริษัทนี้มีโมเดลอะไร หาเงินได้จากช่องทางไหน และทำกำไรได้มากน้อยเพียงใด?

ทำความรู้จัก Tether และ Circle

Tether Holdings Limited หรือ Tether คือ หนึ่งในผู้ออก Stablecoin ที่ชื่อว่า USDT ที่มูลค่าผูกไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นเหรียญที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในตลาดคริปโตฯ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด ในเดือนธันวาคม 2024 พบว่า มูลค่าทางตลาด (Market Cap) ของ USDT สูงกว่า 139,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีปริมาณการซื้อขายสูง และมีสภาพคล่องที่ดี ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุน

ย้อนกลับไปในปี 2014 เป็นปีที่ Tether เกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาย 3 คน Reeve Collins, Craig Sellars และ Brock Pierce โดยที่ช่วงเริ่มแรกออกเหรียญที่ชื่อว่า “Realcoin” ให้ใช้งานบนเครือข่าย Bitcoin แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก จึงรีแบรนด์เป็น Tether ออกเหรียญ USDT พร้อมกับเปิดให้ใช้งานบนเชนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน จนต่อมาในปี 2015 ทางเจ้าของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตฯ จากฮ่องกง Bitfinex ได้เข้าซื้อกิจการ และเพิ่มเหรียญลงไปบนแพลตฟอร์ม ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

แต่เนื่องจากความกังวลในด้านการกำกับดูแลของฮ่องกง ทำให้เจ้าของ Bitfinex ต้องตัดสัมพันธ์กับ Tether ส่งผลให้ Tether ต้องหาคู่ค้าใหม่ จนได้ไปจับมือทางการธนาคารในเปอร์โตริโกและบาฮามาสได้ และต่อมากลับกลายเป็นว่าตลาดคริปโตฯ บูม ทาง Tether จึงกลายเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความนิยมสูง โดยเหรียญหลักของพวกเขาคือ USDT ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีปริมาณการซื้อขายและมูลค่าตลาดสูงสุด

ส่วน Circle ก็คือหนึ่งในผู้ออก Stablecoin เช่นกัน โดยเป็นผู้ออกเหรียญ USDC มีมูลค่าคงที่กับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแบบ 1:1 ซึ่ง USDC เกิดขึ้นโดย Centre Consortium เป็นคอนซอร์เทียมที่เป็นการรวมตัวกันของ 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการคริปโตฯ อย่าง Circle และ Coinbase โดยคอนซอร์เทียมนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2018

Circle ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 โดย Jeremy Allaire และ Sean Neville ในฐานะบริษัทฟินเทคที่ให้บริการเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและชำระคริปโตฯ ซึ่ง Circle คือผู้ออกเหรียญ USDC สร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum และต่อมาเปิดให้แลกเปลี่ยนบน 11 เชน ทั้ง Ethereum, Arbitrum, Avalanche, Solana, TRON เป็นต้น ทำให้ USDC มีฐานะเหรียญ Stablecoin ที่เปิดกว้าง, สามารถทำงานร่วมกับบล็อกเชนอื่นได้, ปลอดภัย, โปร่งใส และเชื่อถือได้ตามที่ได้มีการร่วมมือและปรับตามกฎเกณฑ์นโยบายต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 2023 ทาง Centre ได้สิ้นสุดการดำเนินงาน และโอนทุกอย่างไปที่ Circle เนื่องจากมีความชัดเจนในด้านกฎระเบียบมากขึ้น และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้าน Coinbase ก็ได้ตกลงที่จะเข้าถือหุ้นใน Circle และรับส่วนแบ่งจากรายได้ที่เป็นดอกเบี้ยจากการถือสินทรัพย์ที่หนุนมูลค่าของ USDC

และจากข้อมูลล่าสุดในเดือนธันวาคม ปี 2024 พบว่า USDC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่เกือบ 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Tether และ Circle ทำธุรกิจอะไรบ้าง?

แม้ว่าทั้ง Tether และ Circle จะทำหน้าที่ในการออกเหรียญ Stablecoin ที่หนุนด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐเช่นเดียวกัน แต่ทั้ง 2 ยังมีธุรกิจอื่น ๆ ในโลกคริปโตฯ ด้วยเช่นกัน

Tether ทำธุรกิจดังนี้

  • เป็นผู้ออก Stablecoin เหรียญ USDT: ตามที่กล่าวมาข้างต้น จุดเริ่มต้นของ Tether คือการออกเหรียญ Realcoin ก่อนจะปรับเปลี่ยนมาเป็น USDT ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ Back ด้วยสินทรัพย์สำรอง (Reserve) ของ Tether ทั้งหมด 100% โดย 1 USDT มีมูลค่าคงที่กับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 1 ดอลลาร์
  • ให้บริการทางการเงินในตลาดคริปโตฯ: โดย Tether นับว่าเป็น Liquidity Provider ที่ได้รับความนิยม เนื่องจาก USDT มีมูลค่าผูกกับดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนจึงมักใช้เป็น Trading Pairs กับสินทรัพย์ดิจิทัลชนิดอื่น เพื่อรักษามูลค่าไว้ นอกจากนี้ USDT ยังนำไปใช้เพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดนอีกด้วย โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวด

Circle ทำธุรกิจดังนี้

  • เป็นผู้ออก Stablecoin เหรียญ USDC และ EURC: นอกจากเหรียญ USDC แล้ว ล่าสุด Circle ยังเป็นผู้ออก EURC ที่ตรึงมูลค่าไว้กับเงินสกุลยูโร โดยเหรียญ USDC นับว่าเป็น Stablecoin ที่โปร่งใส เป็นไปตามกฎระเบียบจึงเหมาะกับการนำไปใช้โดยสถาบันการเงินและองค์กรธุรกิจ
  • ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน: Circle วางตำแหน่ง USDC ให้เป็นเครื่องมือสำหรับการชำระเงินระดับโลก โดยมุ่งเป้าหมายเพื่อปรับปรุงระบบการเงินให้ทันสมัย USDC ถูกนำมาใช้ในธุรกรรมต่าง ๆ เช่น การจ่ายเงินเดือน (Payroll) การโอนเงินระหว่างประเทศ (Remittances) และการชำระบัญชีการค้าข้ามพรมแดน
  • บริการสำหรับองค์กร: Circle ให้บริการ API และโซลูชันสำหรับธุรกิจ เพื่อนำ USDC มาบูรณาการเข้ากับระบบการชำระเงินและการจัดการเงินทุน (Treasury Systems) ขององค์กร

โมเดลธุรกิจของ Tether และ Circle ทำเงินยังไง?

เนื่องจากทั้งสององค์กรทำการออกเหรียญ Stablecoin จึงต้องมีการนำสินทรัพย์มาเพื่อค้ำประกันเหรียญ ดังนั้น ทั้งสองจึงสามารถทำเงินได้จากดอกเบี้ยในสินทรัพย์ต่าง ๆ นั่นเอง โดยสามารถแยกรายละเอียดรูปแบบการทำเงินของธุรกิจออกมาได้ ดังนี้

โมเดลธุรกิจของ Tether

  • รายได้จากดอกเบี้ยของทุนสำรอง (Interest on Reserves): โดยองค์ประกอบของทุนสำรองในไตรมาส 3 ปี 2024 โดย 85.7% เป็นเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และเงินฝากระยะสั้น ขณะที่ 62.5% ของทุนสำรองอยู่เป็นตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ และส่วนที่เหลืออยู่ในสินเชื่อที่มีหลักประกัน, พันธบัตรองค์กร, และทองคำ

    โดยรายได้จากดอกเบี้ยต่อปีเมื่อเทียบกับทุนสำรองที่มีมูลค่าสูง และอัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังระยะสั้นที่ประมาณ 5.4% ในปี 2024 ทำให้ Tether มีรายได้จากดอกเบี้ยจำนวนมาก จากรายงาน พบว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2023 ทาง Tether มีกำไรสุทธิประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ย

  • ค่าธรรมเนียมการออกและแลกเหรียญ (Minting and Redemption Fees): โดย Tether จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมจากลูกค้าสถาบันในการออก (Minting) และการแลก USDT อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาชัดเจนว่าอัตราค่าธรรมเนียมคือเท่าไร แต่คาดการณ์โดยนักวิเคราะห์ว่าอยู่ที่ประมาณ 0.1%-0.2% ต่อธุรกรรม

และเนื่องจาก Tether มีโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ (Minimal Operating Costs) และเน้นการดำเนินงานภายใน ส่งผลให้มียอดกำไรสูง อีกทั้งบริษัทยังตั้งอยู่ในเขตนอกชายฝั่ง (Offshore) เช่น หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ทำให้สามารถลดความเข้มงวดด้านกฎระเบียบและภาระภาษี

โมเดลธุรกิจของ Circle

  • รายได้จากดอกเบี้ยของทุนสำรอง (Interest on Reserves): โดยองค์ประกอบของทุนสำรองในช่วงไตรมาส 3 ปี 2024 เกือบ 100% ของทุนสำรองของ Circle อยู่ในรูปแบบเงินสดและตั๋วเงินคลังสหรัฐระยะสั้น และยังมีทุนสำรองที่บริหารผ่าน Circle Reserve Fund ซึ่งร่วมบริหารโดย BlackRock พันธมิตรระดับสถาบัน

    และเช่นเดียวกับ Tether ด้วยทุนสำรองมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังที่ประมาณ 5.4% ทาง Circle สามารถสร้างรายได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อปีจากดอกเบี้ย โดยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2023 พบว่า Circle มีรายได้จากดอกเบี้ยที่ 779 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อน
  • ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (Transaction Fees): Circle จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการออก (Minting) และการแลก USDC ที่ 0.1% โดยตรงกับลูกค้าสถาบัน หากลูกค้ามีการแลก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทาง Circle ก็จะได้รับค่าธรรมเนียม 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

  • บริการสำหรับธุรกิจ (B2B and API Services): Circle ให้บริการเครื่องมือสำหรับองค์กรเพื่อผสาน USDC เข้ากับระบบการชำระเงิน การชำระบัญชี และการดำเนินงานธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Treasury-as-a-Service ที่ช่วยธุรกิจจัดการทุนสำรองในรูปแบบ USDC เพิ่มความร่วมมือด้านการชำระเงิน ผ่านการร่วมมือกับบริษัทอย่าง Visa และ Mastercard เพื่อรองรับการชำระเงินด้วย USDC นอกจากนี้ Circle ยังได้รับรายได้จากค่าบริการแบบสมัครสมาชิกหรือค่าธรรมเนียมการใช้งานอีกด้วย

นอกจากนี้ USDC ของ Circle ยังมีการดำเนินการบนหลายบล็อกเชน เช่น Ethereum, Solana, Avalanche อีกทั้ง ทาง Circle ยังได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการใช้งาน แม้ว่ารายละเอียดการแบ่งรายได้โดยตรงอาจไม่ชัดเจน แต่การเติบโตของระบบนิเวศบล็อกเชนก็ช่วยสนับสนุนธุรกิจของ Circle ทางอ้อม

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ