AI เร่งวิกฤติโลกร้อน Google ปล่อยก๊าซเรือนกระจกพุ่ง 48% กระทบเป้าหมายความยั่งยืน อาจทำได้ยากขึ้น

Sustainability

Tech For Sustainability

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

AI เร่งวิกฤติโลกร้อน Google ปล่อยก๊าซเรือนกระจกพุ่ง 48% กระทบเป้าหมายความยั่งยืน อาจทำได้ยากขึ้น

Date Time: 4 ก.ค. 2567 17:26 น.

Video

ศิรเดช โทณวณิก Gen 3 ดุสิตธานี ธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงแรม | On The Rise

Summary

  • AI เร่งวิกฤติโลกร้อน Google ปล่อยก๊าซเรือนกระจกพุ่ง 48% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นใน Data Center และการปล่อยมลพิษที่เกิดขึ้นใน supply chain กระทบเป้าหมายความยั่งยืนที่อาจทำได้ยากขึ้น

Latest


Google เปิดเผยว่า การเร่งพัฒนาและนำ AI มาใช้ในผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับระบบ AI ต้องใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากเพื่อให้ทำงานได้ โดย Data Center เปรียบเหมือนคลังสินค้าที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทรงพลัง จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการประมวลผลข้อมูลและจัดการความร้อนที่คอมพิวเตอร์ทั้งหมดเหล่านี้ปล่อยออกมา ปรากฏว่านับตั้งแต่ปี 2019 บริษัทมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นกว่า 48% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นใน Data Center และการปล่อยมลพิษที่เกิดขึ้นใน supply chain ตามรายงานด้านสิ่งแวดล้อมประจำปีของ Google 

ดังนั้น Google จึงระบุว่า เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero emissions) ภายในปี 2030 ถือเป็น "เป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่ง" และอาจได้รับผลกระทบจาก "ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตของ AI ซึ่งมีความซับซ้อนและคาดการณ์ได้ยาก"

สำหรับ Google ก็ไม่ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่ทุ่มเทการลงทุนใน AI อย่างเต็มที่ ที่มองกันว่าจะเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การทำงาน และการบริโภคข้อมูลของมนุษย์ได้ Sundar Pichai ซีอีโอของบริษัทเรียก Google ว่าเป็น "AI-first Company"

โดยที่ผ่านมา Google ผสานเทคโนโลยี AI อย่าง Gemini เข้ากับผลิตภัณฑ์หลักต่างๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Google Search และ Google Assistant แต่อย่างไรก็ตาม AI ไม่ได้มีแค่ในมิติของคุณประโยชน์ เพราะมันก็มีข้อเสียสำคัญ โดยเฉพาะ Data Center ที่ใช้พลังงานมหาศาลในการประมวลผล 

แล้ว AI ใช้พลังงานมากขนาดไหน ?

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ประมาณการว่า การค้นหาด้วย Google 1 ครั้ง จะต้องใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 0.3 วัตต์/ชั่วโมง ในขณะที่การใช้งาน ChatGPT มักจะใช้ไฟฟ้าประมาณ 2.9 วัตต์/ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาโดยนักวิจัยชาวดัตช์ Alex de Vries ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาประเมินว่าในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดระบบ AI ของ Google อาจใช้ไฟฟ้ามากเท่ากับประเทศไอร์แลนด์ทั้งประเทศในแต่ละปี หากมีการนำ AI มาใช้ในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ปัจจุบันอย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ Google ยังได้มีการระบุในรายงานว่า "เมื่อเราผสาน AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้น การลดการปล่อยมลพิษอาจเป็นความท้าทาย เนื่องจากความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการประมวลผล AI ที่เข้มข้นมากขึ้น และการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น" 

นอกจากนี้ยังเสริมอีกว่า การใช้ไฟฟ้าใน Data Center กำลังเติบโตเร็วกว่าที่บริษัทจะสามารถจัดหาแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่ปราศจากคาร์บอนมาใช้ได้ทัน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมจะยังคงเพิ่มขึ้นก่อนที่จะลดลง จากการที่บริษัทพยายามลงทุนในแหล่งพลังงานสะอาด เช่น พลังงานลมและพลังงานความร้อนใต้พิภพ เพื่อจ่ายไฟให้กับ Data Center 

นอกจากความท้าทายด้านพลังงานแล้ว Google ยังต้องเผชิญกับประเด็นของการใช้ปริมาณน้ำจำนวนมากที่ใช้เป็นสารหล่อเย็นเพื่อป้องกัน Data Center จากความร้อนสูงเกินไป โดย Google ตั้งเป้าที่จะเติมน้ำจืดที่ใช้ในสำนักงานและศูนย์ข้อมูลคืนสู่ธรรมชาติ 120% ภายในปี 2030 แต่ในปีที่ผ่านมา บริษัทกลับสามารถเติมน้ำคืนได้เพียง 18% แม้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 6% ในปีก่อนหน้าแล้วก็ตาม


อ้างอิง CNN 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ