Dow ความสำเร็จของคนไทย

คอลัมน์ Sustainable Together สัปดาห์นี้ มีโอกาสร่วมคณะไปกับ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทวัสดุศาสตร์ชั้นนำของโลกที่ให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรม อาทิ บรรจุภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีโรงงานขนาดใหญ่และนวัตกรรม ที่ตอบโจทย์การลดโลกเดือด

โดยได้ไปเยี่ยมชมฐานการผลิตใหญ่ที่สุดของ Dow ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จังหวัดระยอง เพื่อดูความสำเร็จของโรงงานโพรพิลีนไกลคอล ที่ได้ขยายกำลังการผลิต จนขึ้นแท่นโรงงานใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีกำลังการผลิต 250,000 ตันต่อปี พร้อมชมโรงงานผลิตโพลียูริเทน โดยฐานการผลิตในประเทศไทยแห่งนี้ นับว่าเป็นโรงงานระดับโลก ที่มีความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มาตรฐานความปลอดภัย มีความสม่ำเสมอในการผลิตสูงติดอันดับต้นๆของ Dow ทั่วโลก

Dow ได้นำเสนอนวัตกรรมวัสดุศาสตร์เพื่อความยั่งยืนที่เป็นต้นน้ำที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสำคัญๆทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่เน้นการใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิต โดยฐานการผลิตของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ประกอบด้วย 13 โรงงาน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก จังหวัดระยองที่ผลิตวัสดุและเคมีภัณฑ์ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดโพลิเอทิลีน โพลิสไตรีน อีลาสโตเมอร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์โพลิยูรีเทน สไตรีนบิวทาไดอีนเลเทกซ์ สารโพรพิลีนออกไซด์ โพรพิลีนไกลคอล ซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง ยานยนต์ และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

นายเดชา พาณิชยพิเชฐ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ Dow ในเอเชียแปซิฟิก สามารถผลิตวัสดุและ เคมีภัณฑ์ต่างๆได้มากกว่า 2.5 ล้านตันต่อปี ส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ 40% และส่งออกส่วนที่เหลือไปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงอินเดีย

“ปีนี้เราได้ขยายกำลังการผลิตโรงงาน โพรพิลีนไกลคอล เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ ที่เพิ่มขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร น้ำหอม และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค”

ฐานการผลิตในประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโรงงานของ Dow ที่เป็นเลิศที่สุดในโลกด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อก้าวสู่ Manufacturing 4.0 โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยปฏิบัติงาน ทำให้พนักงานมีความปลอดภัยในการทำงาน ช่วยประหยัดพลังงาน ลดเวลาการทำงาน สามารถนำข้อมูลที่ได้มาวางแผน การบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆของโรงงานในเชิงป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เช่น เซ็นเซอร์อัจฉริยะเพื่อเฝ้าระวังการชำรุดของอุปกรณ์และประเมินกำหนด การบำรุงรักษาหุ่นยนต์ AI เพื่อจัดการกับงานที่เป็นอันตรายและลดความเสี่ยงในการทำงานของมนุษย์ และการใช้แอปพลิเคชันมือถือเพื่อปรับปรุงการทำงาน และการสรุปข้อมูลเพื่อตัดสินใจแบบเรียลไทม์

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ยังเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่มีสถิติความปลอดภัยและความสม่ำเสมอในการผลิตดีที่สุดในโลก ได้รับรางวัลจากในและต่างประเทศ เช่น รางวัล Tripple Zero ของ Dow สหรัฐฯซึ่งมอบให้เฉพาะโรงงานฝ่ายผลิตที่เป็นเลิศในด้านความปลอดภัย โดยสามารถดำเนินงานโดยไม่มีอุบัติเหตุได้ 71.8 ล้านชั่วโมง หรือ 4,917 วัน

นอกจากนี้ ยังได้รับการรับรองคาร์บอนและการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างประเทศ (ISCC Plus) รวมทั้งฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นต์ผลิตภัณฑ์ และฉลากลดโลกร้อน จนต่างชาติต้องมาดูงานกันปีละหลายๆครั้งว่า คนไทยทำอย่างไร และบริษัทมีพนักงานชาวไทย 99%

จึงพูดได้เต็มปากว่า นี่คือความสำเร็จและความสามารถของคนไทยอย่างแท้จริง!!!

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่