อีกหนึ่งตลาดที่กำลังน่าจับตามอง อย่าง “ตลาดความงาม” ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ล่าสุดพบว่า ธุรกิจเวชศาสตร์ความงามของไทย โต 9.7% ต่อปี และผู้คนทุกเพศทุกวัยก็ให้ความสนใจกับเรื่องความงามมากขึ้น
ส่งผลให้มีจำนวนคลินิกเสริมความงามเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี โดยในประเทศไทยมีจำนวนคลินิกความงามอยู่ที่ประมาณ 7,000 แห่ง ในจำนวนนี้มีคลินิกในกรุงเทพฯ 2,000 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 5,000 แห่ง ซึ่งส่งให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวเข้ามาเสริมความงาม ติด Top4 ที่สามารถสร้างเม็ดเงินจากธุรกิจความงาม รองจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน อีกทั้งยังมีคาดการณ์ว่าตลาดความงามของไทยจะโตไปถึงที่ 7,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือกว่า 266,830 ล้านบาท) ภายในปี 2027 อีกด้วย
แต่เมื่อมีการใช้บริการด้านความงามเยอะ ผลที่ตามมาคือการสร้าง “ขยะจากหัตถการความงาม” หรือ “Aesthetics Waste” จำนวนมหาศาล ซึ่งขยะเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเข็มฉีดยา ถุงมือ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ยังรวมไปถึง แพ็กเกจกระดาษ และอุปกรณ์พิเศษ เช่น Ulthera Transducer หรือส่วนหัวของเครื่องมือยกกระชับที่ต้องถอดทิ้งทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จ ซึ่งหัวเครื่องมือนี้มีส่วนประกอบของวงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่ และขยะที่เกิดจากสถานเสริมความงามส่วนใหญ่เป็นขยะติดเชื้อ จึงต้องอาศัยการกำจัดอย่างถูกวิธี
จากข้อมูลของ TRVST นำเสนอโดย Merz Aesthetics พบว่า ขยะจากหัตถการความงามเพิ่มปีละ 120,000 ล้านชิ้นต่อปี และในระยะเวลา 9 ปีที่เข้ามาดำเนินงานในประเทศไทย ของ Merz Aesthetics ผู้จัดจำหน่ายสินค้าและนวัตกรรมเพื่อความงามจากเยอรมนี พบว่า ขยะจากหัตถการความงาม อย่างหัว Ulthera Transducer มีมากถึงขนาดที่ถ้านำมาต่อกันจะมีความสูงเท่ากับหอไอเฟลถึง 12 หอ หรือประมาณ 3,900 เมตรเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้ว Merz Aesthetics ยังพบอีกว่ามีขยะจากแพ็กเกจที่เป็นกล่องกระดาษที่มีมากถึง 17.5 ตัน ที่เหลือทิ้งหลังจากทำหัตถการ ในขณะที่กลุ่มขยะติดเชื้อ อย่าง เข็มฉีดยา หลอดยา ขวดยา และกลุ่มถุงมือ ก็จะถูกนำไปทำลายต่อตามวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม
ด้วยการให้บริการใน 52 ประเทศทั่วโลก ทำให้ Merz Aesthetics มีลูกค้าจำนวนมากที่สั่งสินค้าและนวัตกรรมด้านความงาม ซึ่งในประเทศไทย Merz Aesthetics มีการเก็บเอาขยะที่เป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเองจากคลินิกที่ทิ้งหลังจากทำหัตถการมาทำลายเอง และนอกจากกลุ่มที่เป็นขยะติดเชื้อแล้ว พบว่า มีขยะอย่างหัว Ulthera Transducer จำนวนมหาศาล จึงเกิดเป็นไอเดียขึ้นมาว่า หากนำมาเพิ่มคุณค่า Recycle และ Upcycle ใหม่ให้เกิดประโยชน์คงจะดีกว่า
จึงเกิดเป็นโครงการ “Merz Aesthetics Set Zero Aesthetics Waste” ครั้งแรกของโลกกับการขับเคลื่อนความยั่งยืนในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะการกำจัดขยะที่เกิดจากการทำหัตถการความงาม พร้อมจับมือกับ 3 พาร์ตเนอร์ อย่าง บริษัท รีไซเคิลเดย์ จำกัด, ควอลี่ (Quali) และ บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดำเนินการ “เก็บกลับ ปรับโฉม ส่งคืนคุณ” คือ
โดย “ควอลี่” จะทำหน้าที่เป็นผู้แยกชิ้นส่วนหัว Ulthera Transducer และนำส่วนภายนอกไปออกแบบและผลิตเป็นมานะ ก่อนจะส่งชิ้นส่วนที่เหลือให้กับ “รีไซเคิลเดย์” เพื่อคัดแยกจะจัดการอย่างเหมาะ โดยมี “เคอรี่” คอยเป็นผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดใน Value Chain นี้
ปัจจุบันมีการ Upcycle และผลิตถังอเนกประสงค์ “มานะ” แล้ว 193 ถัง จากหัว Ulthera Transducer จำนวน 1,936 ถัง ที่มาจากคลินิกพาร์ตเนอร์ 12 แห่ง ซึ่งเท่ากับว่าลดคาร์บอนฟุตพรินต์ลงได้ 787 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเท่ากับปลูกต้นไม้เพิ่ม 82 ต้น
และในอนาคต Merz Aesthetics ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนคลินิกพาร์ตเนอร์เป็น 180 แห่ง ซึ่งจะสามารถช่วยกันลดคาร์บอนฟุตพรินต์จากขยะที่เกิดจากหัตถการความงามเท่ากับ 9,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2027.
สำหรับคลินิกหรือผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.merzaestheticssetzerowaste.com
ที่มา: Merz Aesthetics, ITA
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney