ไทยพาณิชย์ เดินหน้าเป็นดิจิทัลแบงก์ ตอกย้ำกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch รุกตลาดบริหารความมั่งคั่ง ตั้งเป้าเป็นธนาคารอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง ภายในปี 2569 ผ่านแนวคิด “Your Success. Our Success.” ความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา นำเสนอโซลูชันด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบองค์รวม โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Holistic and Customer-Centric Wealth Management Solution)
กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลก และประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 6% โดยคาดการณ์ว่าในปี 2571 ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทยจะมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก 2 ปัจจัย
1. เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากโครงสร้าง 3 อุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งจะขยายความเจริญไปสู่ทุกจังหวัด ส่งผลให้คนไทยมีรายได้เพิ่ม ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง
2. ไทยพาณิชย์เชื่อมั่นว่า ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเป็นของคนไทยทุกคน คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ แต่การดูแลอาจจะไม่เท่ากัน โดยกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง ธนาคารจะให้บริการด้วยการใช้คน และเทคโนโลยีดิจิทัลผสมผสานกัน แต่สำหรับกลุ่มที่ยังไม่มีความมั่งคั่ง ซึ่งมีความต้องการบริหารการเงิน ธนาคารจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์บริการ ด้วยต้นทุนที่ต่ำ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถวางแผนการเงิน ผ่านการลงทุนที่เหมาะสมได้
ทั้งนี้ในปี 2566 ที่ผ่านมา ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งยังมีผลประกอบการตามเป้าหมาย โดยสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ (AUA: Asset Under Advisory) เติบโตขึ้น 10% ปัจจุบันดูแลลูกค้าเวลธ์กว่า 5 แสนราย ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ภายในปี 2569
ด้านยอดสินเชื่อธุรกิจกลุ่มลูกค้าเวลธ์ การมอบโซลูชันการดูแลบริหารจัดการ การลงทุน ความคุ้มครอง ผ่านช่องทางธนาคารที่ยังคงครองอันดับ 1 โดยปัจจุบัน SCB WEALTH มีลูกค้ามากกว่า 500,000 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ SCB PRIME, SCB FIRST และ SCB PRIVATE BANKING
ภายในปี 2569 ธนาคารตั้งเป้าหมายเป็นอันดับหนึ่ง ด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ด้วยความสำเร็จจาก 3 มาตรวัด ได้แก่
1. มีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ (Asset Under Advisory) เติบโตสองหลัก (Double Digit) จากสินทรัพย์การลงทุนภายใต้ธีม Customer Centricity ที่เติบโตกว่า 2 เท่า, ลูกค้า Active ด้านการลงทุนผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มกว่า 30% จากปัจจุบันที่ 15% และสินทรัพย์การลงทุนสกุลเงินต่างประเทศเติบโตกว่า 180,000 ล้านบาท
2. คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (Net Promoter Score: NPS) ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งจากปัจจุบันอยู่ที่อันดับสอง
3. การบริหารภาพรวมพอร์ตโฟลิโอให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Portfolio Growth) ด้วยการทำให้ผลตอบแทนจากคำแนะนำการลงทุนชนะ Benchmark โดยวัดผลการดำเนินงานของที่ปรึกษาด้านการลงทุน (Relationship Manager) ย้อนหลังว่าหลังจากให้คำแนะนำการลงทุนแก่ลูกค้าแล้ว ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนพอร์ตของลูกค้าย้อนหลังต่อเนื่อง 9 ปี สูงกว่าดัชนีมาตรฐานที่อ้างอิงไว้หรือไม่
ทั้งนี้การขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่งให้บรรลุเป้าหมาย จะต้องอาศัย 3 กลยุทธ์หลัก
1.Customer Centricity: คิดจากคุณ เพื่อความสำเร็จในแบบเฉพาะคุณ มุ่งเน้นเป้าหมายและความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงชีวิตอย่างลึกซึ้ง และยึดผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นที่ตั้ง โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เหมาะสมในทุกมิติ ด้วยบริการวางแผนกับที่ปรึกษาด้านการบริหารและต่อยอดความมั่งคั่งมืออาชีพ โดยนำเสนอโซลูชันผ่าน 3 แนวคิดใหม่ ดังนี้
2.Hyper-Personalization: ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพื่อคุณโดยเฉพาะ
ยกระดับประสบการณ์การบริหารความมั่งคั่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ารายบุคคล ผสานศักยภาพของผู้เชี่ยวชาญเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI ในการดูแลลูกค้าอย่างตรงใจและไร้รอยต่อในทุกมิติ
3.Go Global: ทุกที่ที่มีโอกาส เราให้คุณไปถึงได้ทั่วโลก
เปิดโลกการลงทุนสู่ตลาดโลก ต่อยอดการลงทุนภายใต้แนวคิด กองทุนผสมแนวคิดใหม่ ประกอบด้วยสินทรัพย์ดั้งเดิม และสินทรัพย์ทางเลือก ยกระดับการให้คำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญของ SCB WEALTH เข้ากับพันธมิตรระดับโลก คือ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ และล่าสุด จับมือ BlackRock ผู้นำทางการลงทุนระดับโลก ประเดิมด้วย 2 กองทุนแรก US TERM FUND และ CORE Portfolio
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล