โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ในปี 2568 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จะเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตผ่านกลยุทธ์การพัฒนาเครือข่ายตัวแทนและการขยายความร่วมมือช่องทางธนาคารอย่างต่อเนื่อง เรามุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนและคุณภาพของตัวแทนมืออาชีพ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพแบบเข้มข้น เพื่อสร้างเครือข่ายตัวแทนที่แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันได้ในตลาดผ่านโปรแกรมการแข่งขันและฝึกอบรมต่างๆ
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งของตัวแทนระดับท็อป ผ่านโครงการ Elite โครงการ Blue Star และโครงการ Blue Star X ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาและสนับสนุนตัวแทนให้ก้าวสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพเพื่อช่วยสร้างเครือข่ายผู้นำที่แข็งแกร่งในองค์กร ทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพของเครือข่ายตัวแทนให้สามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในขณะเดียวกันได้กำลังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งกับพันธมิตรช่องทางธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความร่วมมือกับธนาคารกรุงศรี ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่องทางนี้ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรรองรับทั้งการออม การลงทุน และการคุ้มครองสุขภาพ พร้อมพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกแผนประกัน จัดการกรมธรรม์ และเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น
จึงเชื่อมั่นว่า การเสริมความแข็งแกร่งของทั้งสองช่องทางนี้จะช่วยให้สามารถขยายการเข้าถึงลูกค้าและสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยปี 2568 มีการตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมในธุรกิจประกันชีวิตเติบโต 10% ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกันปี 2567 ที่ผ่านมา บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เติบโตอย่างแข็งแกร่งเหนือตลาดในทุกช่องทาง สร้างเบี้ยประกันรับรวม (GWP) เติบโต 8% โดยโตกว่า 2 เท่าของตลาด แตะ 3.93 หมื่นล้านบาท และบริษัทเติบโตแข็งแกร่งเหนือตลาดในทุกช่องทาง
ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น 14% แตะ 8.4 พันล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงของธุรกิจประกันชีวิต แม้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจชะลอตัว การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากช่องทางตัวแทนที่ขยายตัว 17% แตะ 3.8 พันล้านบาท และช่องทางธนาคารที่เติบโตถึง 27% แตะ 3.1 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเครือข่ายการขายหลักของบริษัท ซึ่งสามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ทั้งนี้ในส่วนของ Copayment จากข้อมูลพบว่ามีลูกค้าในพอร์ตไม่ถึง 1% ได้รับกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มใช้ประกันไปในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงต้องมีการบริหารจัดการให้แผนประกันยังไปต่อได้ทั้งลูกค้าและบริษัทประกัน”
ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า ในปี 2568 คาดธุรกิจประกันภัยเติบโต 12% และเบี้ยประกันภัยรับรวมแตะ 1.2 หมื่นล้านบาท บริษัทฯ จึงได้ขยายขีดความสามารถด้วยกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน คือ
1. การกระจายพอร์ตผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งขยายโอกาสธุรกิจที่มากไปกว่าประกันภัยรถยนต์ โดยจะเน้นไปที่สุขภาพ การคุ้มครองความเสี่ยงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการคุ้มครองบ้านและทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง พร้อมเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจรายย่อยและองค์กร
2. การเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมุ่งเน้นเสริมศักยภาพของทั้งโบรกเกอร์และตัวแทนประกันรถยนต์เดิม ให้มีความสามารถแนะนำประกันภัยชนิดอื่นๆ ให้กับลูกค้าได้ด้วย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ขยายธุรกิจประกันเชิงพาณิชย์ Allianz Commercial ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้บริการประกันภัยที่ครอบคลุมสำหรับภาคธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มประกันภัยทรัพย์สิน วิศวกรรม การขนส่ง และความรับผิดชอบทางกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดประกันภัยไทยในอนาคต
สำหรับในปี 2567 มีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้น 7% แตะ 1.09 หมื่นล้านบาท ขับเคลื่อนโดยประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ (A&H) ที่เติบโตสูงถึง 9% แตะ 3.9 พันล้านบาท ขณะที่ประกันภัยรถยนต์เติบโต 4% แตะ 3.4 พันล้านบาท ประกันวินาศภัยอื่นๆ เติบโต 7% แตะ 3.6 พันล้านบาท