การใช้ “ตั๋ว P/N” (Promissory Note) หรือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นเครื่องมือเลี่ยงภาษี กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้การจับตามอง หลังวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชน หยิบยกมาเป็นประเด็นซักฟอก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ วันแรก (24 มี.ค.)
โดยวิโรจน์อ้างว่า นายกรัฐมนตรีจงใจทำนิติกรรมอำพรางเลี่ยงภาษีการรับให้มูลค่ารวม 218 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2559 โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) 9 ใบ มูลค่า 4,434.5 ล้านบาท จากการซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ แทนการจ่ายเงิน โดยไม่มีการระบุวันครบกำหนดชำระหนี้ และดอกเบี้ย แต่ระบุว่าจะต้องชำระหนี้เมื่อมีการทวงถามเท่านั้น ทำให้ในทางพฤตินัย “แพทองธาร” ได้รับโอนหุ้นจากครอบครัวมาแล้ว โดยไม่ต้องจ่ายเงินและเสียภาษีการรับให้
Thairath Money พาทำความรู้จัก “ตั๋ว P/N” คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ทำไมฝ่ายค้านถึงมองว่าเป็นเครื่องมือเลี่ยงภาษีการซื้อหุ้นของนายกฯ แพทองธาร
ความหมายของตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ P/N (Promissory Note) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด 3 ตั๋วสัญญาใช้เงิน มาตรา 982 คือ หนังสือตราสาร ซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้ออกตั๋ว” ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือใช้ให้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน”
โดยส่วนใหญ่ “ตั๋ว P/N” จะใช้ในสัญญาการเงินที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะในการทำธุรกิจ มักมีระยะเวลาสัญญาไม่เกิน 1 ปี
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ตั๋ว P/N เปรียบเหมือนสัญญาเงินกู้ระยะสั้นระหว่าง 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ออกตั๋ว (ลูกหนี้) และผู้รับเงิน (เจ้าหนี้) โดยลูกหนี้จะเป็นผู้ออกตั๋ว ซึ่งระบุองค์ประกอบตามกฎหมายเป็นลายลักษณ์อย่างชัดเจน เช่น จำนวนเงินที่กู้ยืม ระยะเวลาการชำระคืน
ทั้งนี้มีตั๋วสัญญาใช้เงินอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินตามความต้องการ ซึ่งในตั๋วจะไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดการชำระเงิน แต่จะขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ว่าจะเรียกเก็บเอาเงินเมื่อไร
“ตั๋วสัญญาการใช้เงิน” จะมีผลตามกฎหมายสามารถนำไปใช้ในธุรกิจใดๆ หรือฟ้องร้องเป็นคดีความได้ จะต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้ในเอกสาร คือ
การใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน ในปัจจุบันมักอยู่ในรูปแบบของสินเชื่อเงินกู้ระยะสั้นของธนาคาร ซึ่งมีไว้สำหรับเป็นตัวช่วยในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบธุรกิจ โดยมีตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเอกสารประกอบในการกู้ยืม ภายใต้วงเงินที่ธนาคารกำหนด ซึ่งในตั๋วสัญญาจะต้องมีการกำหนดเวลาชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ยให้ชัดเจน โดยไม่เกินอัตราดอกเบี้ยสูงสุดตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้ธนาคารสามารถปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆ ในสัญญาได้ แต่ผู้ออกตั๋ว หรือผู้ขอกู้สินเชื่อไม่สามารถเปลี่ยนมือให้ผู้อื่นชำระหนี้แทนตัวเองได้
นอกจากรูปแบบสินเชื่อจากธนาคารที่อธิบายไปข้างต้นแล้ว ตั๋วสัญญาการใช้เงินยังถูกนำไปใช้ในวงธุรกิจอื่นๆ เช่น
โดยสรุปคือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นตราสารทางการเงินที่มีกฎหมายรองรับ เพื่อใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินที่มีผลบังคับทางกฎหมาย และสามารถโอนเปลี่ยนมือได้
ที่มา
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney