“เมื่อฉันถูกรัก โดยลูกชายของครอบครัวที่ไม่ชอบขี้หน้า”
“เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กบนเกาะเชจู”
“ครอบครัวพวกเรายากจนไม่ค่อยมีอะไรกิน แต่ลูกชายบ้านเขาชอบแอบเอาปลามาให้”
“ชอบมาช่วยขายของทั้งที่ไม่ใช่แผงตัวเอง”
นาทีนี้หากพูดถึงคำค้นหายอดนิยม คงจะมีแต่ “กวานชิก ใกล้ฉัน” อย่างแน่นอน เพราะด้วยกระแสที่โด่งดังของซีรีส์เกาหลีที่ทำให้หัวใจเบิกบาน และปวดร้าวเคล้าน้ำตาในเวลาเดียวกัน “When Life Gives You Tangerines (ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน)” ซีรีส์เกาหลีที่สะท้อนชีวิตคู่ของคนเราให้เป็นเหมือนดั่งรสของ “ส้ม” จะเปรี้ยว หรือหวาน ถ้าหากอยากรู้ก็ต้องลอง เพราะชีวิตก็เหมือนส้ม…บางวันหวานชื่น บางวันขมเปรี้ยว แต่ทุกช่วงรสชาติ ล้วนเติมเต็มให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้น...
**บทความนี้มีการสปอยเนื้อหา เพราะเราจะตับพังไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแน่นอน**
นั่นจึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ที่แม้จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จนถึงวันที่ฝันสลาย มรสุมถาโถมเข้ามา แต่เมื่อมี “รัก” ที่คอยอยู่เคียงข้าง ความเหน็บหนาวนั้นก็เบาบางลง จนกลายเป็นความอบอุ่นในใจของครอบครัวได้ในที่สุด
“When Life Gives You Tangerines (ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน)” ซีรีส์เกาหลีโรแมนติก-ดราม่า มีทั้งหมด 16 EP. ปัจจุบันถูกปล่อยออกมา 8 EP. ออนแอร์ทาง Netflix
ซึ่งเป็นการดำเนินเรื่องราวความรักและชีวิตของคนสองคนบนเกาะเชจู ผ่านสี่ฤดูกาล
โดย EP.1-4 เป็นฤดูใบไม้ผลิ อรุณแรกแห่งวัยเยาว์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครเอกคือ เด็กผู้หญิงชื่อ “แอซุน” (รับบทโดย ไอยู) ที่เติบโตมาในสังคมชนบทบนเกาะเชจูด้วยค่านิยมแบบดั้งเดิม ผู้หญิงในยุคนั้นต้องเผชิญกับกรอบทางสังคมที่เข้มงวดและโอกาสในการเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองแทบจะไม่มี แม้ว่าเธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักกวีก็ตาม แต่ด้วยฐานะทางครอบครัว พ่อเสียชีวิต แม่แต่งงานมีครอบครัวใหม่
แม่ของเธอหาเลี้ยงชีพด้วยการดำน้ำเก็บหอย วันแล้ววันเล่าทะเลพรากอากาศจากปอดแม่ พรากเรี่ยวแรงจากร่างและสุดท้ายก็พรากแม่ไปจากเธอ เธอถูกทิ้งไว้กับความเวิ้งว้างโดดเดี่ยว เหมือนเรือลำเล็กที่ถูกซัดออกไปอยู่กลางทะเล ไม่มีฝั่งให้กลับไม่มีมือใดให้ยึดเหนี่ยว แถมยังต้องแบกรับภาระเป็น “เสาหลัก” ในการหาเลี้ยงปากท้องให้กับผู้เป็นพ่อเลี้ยง และน้องต่างพ่ออีก 2 คน แม้ว่าแม่จะย้ำกับเธอแล้วก็ตามว่าให้ “ไปจากบ้านหลังนี้”
ซึ่งในโลกที่โหดร้ายนี้ กวานชิก (รับบทโดย พัคโบกอม) เป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างๆ ผู้ชายที่มีรักแท้และรักเดียวอย่างไม่มีเงื่อนไข ถึงขั้นมีปัญหากับแม่ กับย่าตัวเอง เพียงเพราะเลือกที่จะรัก และเลือกที่จะสู้ไปพร้อมกับผู้เป็น “ภรรยา” นับเป็นการทลายกำแพงเรื่องเพศ เพียงเพราะว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว และไม่ใช่ผู้หญิงต้องเสียสละเพียงฝ่ายเดียวอยู่ร่ำไป รวมทั้งปลดแอกการเป็นเดอะแบก และการแบ่งแยก “เจเนอเรชัน” ที่ลูกสามารถเลือกชีวิต และเส้นทางของตัวเองได้
นั่นจึงทำให้ “แอซุน” เลือกที่จะแต่งงานกับ “กวานชิก” ด้วยเพราะเหตุผลที่ว่า “รู้หรือเปล่า? ทำไมฉันถึงแต่งงานกับผู้ชายที่เห่ยที่สุดแห่งเกาะเชจู เพราะพี่น่ะเหมือนเหล็กกล้าเลยล่ะ ถึงเราไม่อิ่มท้องแต่ใจฉันอิ่มเอมทุกวันแน่ๆ”
แต่กระนั้นใช่ว่า “ความรัก” จะทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น จากบ้านที่กดขี่สู่บ้านที่ไม่ต้อนรับ เหมือนดั่งสะใภ้ที่ไร้ค่า นั่นทำให้เธอย่อมหนีไม่พ้นจะชะตากรรมเดิม แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวความรักของทั้งคู่ก็กลายเป็นมหากาพย์อันยาวนานชั่วชีวิตที่ ล้มลุกและสุขสม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าความรักนั้นอยู่เหนือกาลเวลา และจงมีแรงยิ้มไว้ในวันที่ “ส้มไม่หวาน”
โดยซีรีส์จะเป็นเล่าเรื่องราวที่สลับไปมา ระหว่างพาร์ทปัจจุบัน และพาร์ทในอดีต รวมถึงการเติบโตไปพร้อมกับสมาชิกใหม่ที่ทำให้ครอบครัวขยับขยาย
เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ ผู้ที่เป็นลูกคนโต ไม่เคยขาดสิ่งใดอื่นเลยทั้งความอบอุ่น ความรัก เวลาและการเอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่ด้วยความเป็นลูกคนโตที่รับรู้สถานการณ์ทุกอย่างภายในบ้าน ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวย ความยากลำบากของพ่อแม่ที่พยายามจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ ทำให้ปมนี้ช่องว่างนี้ในใจของเธอถูกเก็บเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจเสมอมา รวมทั้งเธอกำลังประสบปัญหาทางด้านความรักเช่นเดียวกันกับผู้เป็นแม่
แม้เธอจะทำงานมีเงินมากพอที่จะซื้อของที่ตัวเองอยากได้แล้ว แต่สุดท้ายเงินนั้นก็พอซื้อได้แค่ของถูกๆ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากี่สิบคู่ ก็ยังเป็นเพียงรองเท้าธรรมดาๆ ทั่วไปอยู่ดี เหมือนเป็นการเติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองขาดหาย
จึงไม่แปลกที่ “พ่อแม่จะจมปลักอยู่กับความรู้สึกผิดต่อลูก ส่วนลูกก็จมปลักกับความน้อยใจของพ่อแม่”
เพราะไม่ว่าพ่อแม่จะพยายามทุ่มเทความรัก แรงกาย แรงใจ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ตัวเองและลูกๆ พร้อมกับซื้อสังคมให้ลูกมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับลูกมันก็ยังไม่พออยู่ดีเพราะบางอย่างก็ต้องใช้ “เงิน”
สะท้อนให้เห็นว่าการมีลูกเมื่อพร้อม ไม่ใช่แค่พร้อมในด้านทัศนคติ แต่การเงินก็ต้องพร้อมด้วย ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุดท้ายมากกว่าคำว่า “ครอบครัว” “เงิน” ก็เป็นตัวแปรสำคัญในชีวิตของทุกคน รวมทั้งการสูญเสียลูกคนเล็กที่ทำให้ครอบครัวนี้รู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา พายุลูกใหญ่กำลังพัดพาเข้ามาสู่พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง
และด้วยความที่ซีรีส์ดำเนินมาจนถึง 8 EP. ทำให้เราได้เห็นมุมมองการใช้ชีวิต แง่คิดการปรับตัว เหตุการณ์ Black Swan ที่เราจะต้องรับมือให้ได้ รวมทั้งการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลที่ถือเป็นสิ่งสำคัญ ผ่านซีรีส์ “When Life Gives You Tangerines ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน” โดย Thairath Money ได้สรุปเอาไว้ดังนี้
คุณพร้อมหรือยังที่จะเสียน้ำตาไปด้วยกัน….และรู้จักบทเรียนชีวิตจากซีรีส์ดัง
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney