ผลการศึกษาจาก Charles Russell Speechlys บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 4,000 คน พบว่า มากกว่า 43% ของคน Gen Z วางแผนจะใช้มรดกหรือของขวัญจากพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย เพื่อเก็บเป็นเงินทุนสําหรับอนาคตของพวกเขา ในขณะที่ 33% วางแผนที่จะใช้มรดกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในทันที หรือ 32% จะนำไปวางเงินดาวน์ก่อน
ในทางตรงกันข้าม มีเพียง 22% เท่านั้นที่จะใช้มรดกเพื่อทุ่มซื้อของชิ้นใหญ่ในครั้งเดียว ขณะที่คน 20% วางแผนที่จะใช้จ่ายกับการท่องเที่ยว และน้อยกว่า (17%) วางแผนแบ่งปันมรดกกับสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อน
การที่กลุ่มคน Gen Z มีแนวคิดการจัดการเงินที่ระมัดระวังนั้น เนื่องจากคนรุ่นนี้เกิดและเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดทางการเงิน สะท้อนจากอัตราการเป็นเจ้าของบ้านที่ต่ำและค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ บังคับให้หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ในช่วงอายุ 20 ปี ในขณะที่ต้องเผชิญกับหนี้การศึกษาก้อนโตและหนทางเกษียณอายุที่ไม่แน่นอน
แซลลี่ แอชฟอร์ด หุ้นส่วนของ Charles Russell Speechlys กล่าวว่า คน Gen Z เติบโตมาในสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ท้าทาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อความมั่งคั่ง แม้ว่าคุณอาจคิดว่าคนรุ่นใหม่ปล่อยปละละเลยในการจัดการเงิน แต่เรากำลังเห็นว่าคนรุ่น Gen Z เริ่มวางแผนทางการเงินเร็วขึ้น เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และวัยชรา
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนรอบด้าน ค่าครองชีพที่พุ่งสวนทางกับรายได้ ผลักดันให้คน Gen Z เริ่มวางแผนการเงินเร็วขึ้น จึงไม่แปลกว่าทำไมพวกเขาถึงมีแนวโน้มที่จะเปิดใจคุยเรื่องมรดกตรงๆ กับครอบครัว
โดยกว่า 81% มีการพูดคุยเรื่องมรดกที่จะได้รับในอนาคตหรือมรดกที่พวกเขาวางแผนที่จะส่งต่อ ในทางตรงกันข้ามคนรุ่นเก่า 68% มีโอกาสน้อยที่จะพูดคุยมรดกของตัวเอง
เมื่อพูดถึงการส่งต่อมรดก คน Gen Z มากกว่าครึ่ง 54% กล่าวว่าวางแผนที่ส่งต่อมรดกให้กับลูกๆ ของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะมีลูกแล้วหรือไม่ก็ตาม
“การพูดคุยเรื่องพินัยกรรมและมรดกแต่เนิ่นๆ ถือเป็นประโยชน์ เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่สำหรับคนรุ่นเก่าการคุยเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องต้องห้าม หวังว่าทัศนคติความมั่งคั่งของคน Gen Z จะทำให้การพูดคุยเรื่องเหล่านี้กับพ่อแม่และคนรุ่นเก่านั้นง่ายขึ้น”
นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่าคนหนุ่มสาวมีทัศนคติที่ระมัดระวังในการสร้างความมั่งคั่งที่ชัดเจน โดย 23% ของคน Gen Z ระบุว่าพวกเขาไปหาที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคําแนะนําหรือข้อมูลการลงทุน ในขณะที่น้อยกว่า 15% ระบุว่าพวกเขาศึกษาเรื่องการเงินจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มีเพียง 6% ของคน Gen Z เท่านั้นที่ระบุว่าพวกเขาไม่ได้ขอคําแนะนําสําหรับการตัดสินใจทางการเงินเลย เมื่อเทียบกับหนึ่งในสี่ (26%) ของคนรุ่นมิลเลนเนียล
ในแง่ของการลงทุน Gen Z ต้องการลงทุนอย่างยั่งยืน แต่ให้ความสําคัญกับผลลัพธ์ทางการเงินด้วยเช่นกัน โดย 35% ต้องการให้เงินของพวกเขาสร้างผลกระทบเชิงบวก ในกรณีที่ผลตอบแทนการลงทุนเป็นไปตามที่คาดหวังเท่านั้น อย่างไรก็ตาม 8% กล่าวว่าพวกเขาให้ความสําคัญกับผลตอบแทนเท่านั้น น้อยกว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลที่ 31% แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความเสียสละมากขึ้น
เมื่อพูดถึงการกุศล 71% ของคน Gen Z เชื่อว่าการบริจาคเพื่อการกุศลเป็นสิ่งสําคัญ อย่างไรก็ตาม ครึ่งหนึ่ง 54% เลือกที่จะออมเงินเพื่ออนาคตมากกว่าบริจาคเพื่อการกุศล และเพียงสองในห้า 38% กล่าวว่าพวกเขารวมการบริจาคเพื่อการกุศลไว้ในงบค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้ว
วิลเลียม มาร์ริออตต์ หุ้นส่วนของ Charles Russell Speechlys ให้ความเห็นว่า
“Gen Z เข้าใจถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยความรอบรู้ทางการเงินและมีทรัพยากรและความรู้มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ เมื่อพูดถึงความรู้ทางการเงิน คนรุ่นใหม่จะกังวลเกี่ยวกับการวางแผนอนาคตทางการเงินของตนเองและไม่ใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือฟุ่มเฟือย แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขากังวลเกี่ยวกับการออมเงิน ในอีกด้านหนึ่ง เรายังพบว่าพวกเขาอยากรู้อยากเห็นและสนใจที่จะเรียนรู้ว่าผลิตภัณฑ์และบริการทำงานอย่างไรมากขึ้น”
ที่มา
อ่านข่าวหุ้น ข่าวทองคำ และ ข่าวการลงทุน และ การเงิน กับ Thairath Money ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล