Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

เลิกเป็นทาสช็อปปิ้ง ฉีกกฎใช้เงิน “No Buy 2025” ตั้งกฎงดซื้อ เทรนด์มาแรงที่อินฟลูฯ แข่งกันทำ

Date Time: 17 มี.ค. 2568 16:01 น.

Summary

  • รู้จักเทรนด์ตั้งกฎงดซื้อมาแรงปีนี้ “No Buy 2025” แนวทางลดค่าใช้จ่ายและเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินอย่างมีสติที่สร้างผลลัพธ์มากมาย ทั้งปลดหนี้ ประหยัดเงิน ไปจนถึงรักษ์โลก จะ “No Buy” ให้มีประสิทธิภาพและไปสู่เป้าหมายได้อย่างสำเร็จ

ช่วงที่ผ่านมาหลายคนอาจจะเคยได้ยินเทรนด์การเก็บเงินใหม่ ๆ หรือวิธีการบริหารเงินที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น “Loud Budgeting” หรือเทรนด์อวดความประหยัดที่นำเสนอตัวเองอย่างภาคภูมิใจว่าเรากำลังตั้งใจวางแผนการใช้เงินให้ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด โดยไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไร หรือจะเป็น “Revenge Saving” หรือการออมเงินล้างแค้นที่บรรดาวัยรุ่นในจีนตั้งเป้าหมายสุดโหดในการเก็บเงิน ไปจนถึงเทรนด์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่ปรับเปลี่ยนไปตามค่านิยมและสภาพทางเศรษฐกิจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

No Buy ตั้งกฎงดซื้อ 

สำหรับปี 2025 นี้กระแสต่อต้านการจับจ่ายที่ไม่จำเป็นยังไปต่อ แม้กระแส “New Year, New You” หรือการเปลี่ยนแปลงตัวเองในปีใหม่จะไม่ค่อยนิยมเท่าแต่ก่อน แต่หนึ่งในเทรนด์ด้านการเงินส่วนบุคคลที่ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจนซีบนโซเชียลมีเดีย คือ “No Buy 2025” ที่บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ต่างประเทศเข้าร่วมพร้อมกับติดแฮชแท็กยอดนิยม #Nobuy อย่างแพร่หลายใน TikTok เพื่อบอกว่า “ฉันงดซื้อ” แทนที่จะเป็นวิดีโอเปิดกล่องสินค้า รีวิวสินค้าหรูหรา หรือแชร์ไอเทมที่ "ต้องมี" อินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากให้คำมั่นว่าจะไม่ซื้อของที่ไม่จำเป็นตลอดทั้งปี

เทรนด์ "No Buy 2025" ที่ฟังดูคล้ายคลึงกับ “Loud Budgeting” ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Minimalist แต่เพิ่มเติมคือ แนวคิดนี้ต้องการสร้างความสมดุลระหว่างการใช้จ่ายและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจำนวนมากจึงหันมาสนใจแนวทางนี้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของตนเองให้มีความยั่งยืนมากขึ้น หรือมากไปกว่านั้นเป้าหมาย No Buy 2025 คือ การปลดปล่อยตัวเองจากวงจรการช้อปปิ้ง ไปจนถึงการปลดหนี้

"No Buy 2025" ถูกมองเป็นผลกระทบจากพฤติกรรม “Revenge Spending” หรือการช้อปปิ้งล้างแค้นเพื่อชดเชยช่วงเวลาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือเพียงแค่ต้องการควบคุมงบประมาณหลังจากการจับจ่ายช่วงเทศกาลวันหยุดที่หลายคนกลับมาให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค

ทำไม No Buy 2025 ถึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

"No Buy" หรือ "No Spend" ผู้เข้าร่วมจะตั้งเป้าหมายไม่ใช้จ่ายเงินนอกเหนือจากสิ่งที่จำเป็นเป็นระยะเวลาหนึ่ง หรือเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน ท่ามกลางค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ผู้เข้าร่วมกำลังให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินของตนเองอย่างมีสติ การลดการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นช่วยปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย ช่วยประหยัดเงินและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ No Buy 2025 ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้ TikTok เริ่มต่อต้านพฤติกรรมการบริโภคเกินความจำเป็นที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมักส่งเสริม จากพลังของอัลกอริทึม โดย TikToker แต่ละคนจะกำหนดกฎเกณฑ์ของตนเองเพื่อแยกแยะว่าการซื้อสินค้าใดเป็นสิ่งจำเป็นและรายการใดที่ควรงดซื้อ จากนั้น พวกเขาจะแบ่งกฎเหล่านี้ออกเป็นสองรายการ คือ "ซื้อได้" และ "งดซื้อ" และนำไปแชร์บน TikTok

โดยสินค้าที่จำเป็น ยกตัวอย่าง อาหาร ของใช้จำเป็นในครัวเรือน ค่าเช่า และค่าสาธารณูปโภค ยังคงอยู่ในรายการ "ซื้อได้" ขณะที่สินค้าที่ไม่จำเป็นจะถูกจัดอยู่ในหมวด "งดซื้อ" สำหรับอินฟลูเอนเซอร์สายแฟชั่น บางคนเลือกที่จะงดซื้อเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด ขณะที่บางคนอนุญาตให้ตนเองซื้อสินค้าใหม่ได้เฉพาะเมื่อของเดิมชำรุดหรือไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป หรือสายบิวตี้ก็จะใช้เครื่องสำอางที่มีอยู่ให้หมดก่อนซื้อใหม่

แม้ว่าเทรนด์นี้แต่ละคนสามารถปรับให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง แต่สาระสำคัญของ "No Buy" ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ “การเป็นผู้บริโภคที่มีสติและลดความอยากซื้อสินค้าตามกระแส” เพื่อลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุด

ระวัง! อาจนำไปสู่การช็อปปิ้งล้างแค้นอีกครั้ง

“No Buy” สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวัง เพราะ การลดการใช้จ่ายอย่างกะทันหันและมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในภายหลัง นอกจากนี้หนึ่งในอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดของความท้าทาย No Buy คือ การเข้าสังคมโดยไม่ต้องใช้เงิน แม้ว่าจะมีกิจกรรมฟรีมากมายให้เข้าร่วม แต่การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอยู่ดี และมากไปกว่านั้นเพื่อนและคนใกล้ชิดอาจเริ่มรู้สึกเบื่อกับข้อจำกัดทางการเงินของผู้เข้าร่วม

ดังนั้นการจะ “No Buy” ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างค่อยเป็นค่อยไป เรียนรู้ที่จะกำหนดขอบเขตและควบคุมสถานะทางการเงินของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ การหยุดใช้จ่ายทั้งหมดในทันทีอาจนำไปสู่ภาวะความรู้สึกขาดแคลนและส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในอนาคต เช่น จาก "No Buy 2025" อาจกลายเป็น "Spending Spree 2026" ได้

อยาก “No Buy” ง่าย ๆ เริ่มจากรู้ทันนิสัยใช้เงินของตนเอง

สำหรับใครที่สนใจอยากจะชาเลนจ์ และไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน สิ่งแรกที่ควรทำไม่ว่าเทรนด์ใด คือ การวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเองให้ได้ โดยสังเกตว่ามีแนวโน้มใช้จ่ายเงินกับอะไร เพราะการทำความเข้าใจแรงจูงใจเบื้องหลังการใช้จ่ายจะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนนิสัยทางการเงินให้ดีขึ้นในระยะยาว

  1. ติดตามการใช้จ่ายของตนเอง อันดับแรกให้เราลองบันทึกการใช้จ่ายในแต่ละเดือน ตรวจสอบใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต แล้วถามตัวเองว่าสิ่งที่เราซื้อนั้นจำเป็นจริงหรือไม่ อะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริง ๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถกำหนดเป้าหมายและเลือกซื้อของอย่างมีสติมากขึ้น
  2. วางแผนลดการใช้จ่าย แทนที่จะตัดค่าใช้จ่ายทั้งหมดในคราวเดียว ใครที่ต้องการควบคุมการใช้จ่ายสามารถเริ่มต้นด้วยการเพิ่มเงินออมทีละเล็กน้อยในบัญชีสำหรับออมเงิน หรือสำหรับบางคนที่เป็นบัญชีที่เฉพาะเจาะจง เช่น สำหรับเกษียณอายุ ทำให้มีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันน้อยลง หรือหากเป้าหมายคือการปลดหนี้ อาจเลือกตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกทีละรายการแทนการหยุดใช้จ่ายทั้งหมด
  3. กำหนดกฎเกณฑ์ของตัวเราเอง เช่นเดียวกับการตัดสินใจด้านการเงินอื่น ๆ “No Buy 2025” เป็นเรื่องส่วนตัว เราสามารถกำหนดขอบเขตได้เอง เช่น งดซื้อเสื้อผ้าใหม่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสำอาง การรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือการสมัครสมาชิกบางอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือ ถามตัวเองว่า "ทำไมถึงต้องการเข้าร่วมชาเลนจ์นี้" ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดเงิน ใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน หรือหลีกเลี่ยงการช้อปปิ้งตามอารมณ์ การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจและยึดมั่นในเป้าหมาย “No Buy” ของเราสำเร็จ

อ้างอิงข้อมูลจาก Forbes , Bloomberg 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Money

แบบสำรวจพฤติกรรมการลงทุนของคนรุ่นใหม่

คุณมีประกันประเภทใดบ้าง

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)