ฉีกตัวหนีล็อกเกณฑ์คุมเข้มแบงก์ชาติ
เคทีซีฉีกตลาด เบี่ยงแนวจับกลุ่มลูกค้ารายได้ต่อเดือน 30,000 บาทขึ้นไป หลังติดล็อกลูกค้าหลักเจอเกณฑ์คุมเข้มจากแบงก์ชาติ ประกาศแผนธุรกิจปีหน้า ตะลุยจับมือพันธมิตรแบบไม่มีขีดจำกัด ขอให้มีความเชี่ยวชาญเพื่อให้ได้บริการที่โดนใจลูกค้า มั่นใจแกร่งรับโลกออนไลน์ไร้เงินสด
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซี เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2561 เคทีซีจะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ แบบไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรทางการตลาด กลุ่มสตาร์ตอัพ ฟินเทค หรือร้านค้าที่มีจุดแข็งที่โดดเด่น เพื่อเสนอบริการที่มีคุณค่าให้กับสมาชิกและรองรับธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์ที่มากขึ้น
“ปีหน้าเรามีแผนปรับกลยุทธ์การตลาดในธุรกิจหลัก ประกอบด้วย บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล และร้านค้า เพื่อสร้างโอกาสจากมาตรการคุมเข้มบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายใหม่ และรักษาฐานสมาชิกเดิมให้อยู่กับแบรนด์เคทีซี”
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับแผนการพัฒนาระบบการชำระเงินแบบ อิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ไทยแลนด์ 4.0 เคทีซีได้มีการปรับแผนกลยุทธ์ด้านไอทีและดิจิทัล เพื่อสนับสนุนประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสด อย่างเต็มรูปแบบด้วย 3 แนวทางหลัก ประกอบด้วย 1.ระบบต้องมีเสถียรภาพ 2.โมเดลธุรกิจที่จับต้องได้ 3.กระบวนการทำงานถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ เคทีซีได้ศึกษาและทดสอบระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้นวัตกรรมบริการที่ดีที่สุดและเหมาะสม มาพัฒนาและประยุกต์ใช้กับธุรกิจบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลที่เป็นธุรกิจหลัก ควบคู่ไปกับการศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าจากฐานข้อมูล (Big Data) และวิเคราะห์ ปัญหา ที่มาจากลูกค้าจริง เพื่อให้แน่ใจว่านวัตกรรมบริการที่จะนำไปเสนอกับลูกค้าต้องเป็นประโยชน์ มีความเสถียรภาพ รวดเร็ว ใช้งานง่าย และ ปลอดภัยที่สุด
“เคทีซีมุ่งขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยโมเดลธุรกิจที่แตกต่าง และเป็นรูปธรรม โดยมี เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้ธุรกิจขับเคลื่อน อย่างมีเสถียรภาพ เราคิดว่าวันนี้เคทีซีพร้อมเกือบ 100% สำหรับการรองรับแพลทฟอร์มดิจิทัลอย่างเต็มที่ และเชื่อว่าลูกค้าจะได้รับบริการด้านดิจิทัล ที่ดีที่สุดของวงการบัตรเครดิต”
สำหรับการทำตลาดในปีหน้า เคทีซีเน้นเจาะ กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของ ธปท. ที่กำหนดให้ผู้มีรายได้ต่อเดือน 15,000-30,000 บาท ที่ถูกควบคุมวงเงินใช้จ่ายบัตรเครดิต ไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ ส่วนกรณีสินเชื่อส่วนบุคคลนั้น กำหนดให้ลูกค้าขอสินเชื่อส่วนบุคคลจากสถาบันการเงินได้ไม่เกิน 3 แห่ง โดยในปีหน้า เคทีซีตั้งเป้ามีลูกค้าใหม่ยื่นสมัครใช้บริการบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล 1.4-1.5 ล้านราย สูงกว่าปีนี้ที่ 1.2-1.3 ล้านราย แบ่งเป็นบัตรเครดิต 55% และ 45% เป็นสินเชื่อบุคคล
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของ ธปท.ส่งผลให้ยอดอนุมัติสินเชื่อบุคคลเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับลดลงเหลือ 25% จากเดิมอยู่ที่ 30% และบัตรเครดิต จากเดิม 48% เหลือ 46% เนื่องจากฐานลูกค้าใหญ่ของเคทีซีเกือบ 80% เป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ในปีหน้า เคทีซีเน้นทำตลาดกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้เกิน30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูง มีหนี้เสียต่ำหากเทียบกับกลุ่มที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท และยังส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อและบัตรเครดิตในปีหน้าลดลง
นอกจากนี้ จะเน้นช่องทางออนไลน์ให้เข้าถึงลูกค้าคนรุ่นใหม่ ทั้งเว็บไซต์ www.ktc.co.th โมบายแอพพลิเคชั่น TapKTC และ QR Code และใช้ช่องทางสาขาของธนาคารกรุงไทย และตัวแทนขายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เป็นช่องทางหลักในการขยายฐานลูกค้า.
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล