ครม.เห็นชอบ 2 มาตรการคู่ขนานกระตุ้นเศรษฐกิจ ไฟเขียวสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ, สินเชื่อซื้อ-สร้างและสินเชื่อซ่อม-แต่ง ที่อยู่อาศัย วงเงินรวม 70,000 ล้านบาท
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2567 มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานเสนอ ได้แก่
1.มาตรการสินเชื่อซื้อ-สร้าง วงเงิน 50,000 ล้านบาท โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) สนับสนุนสินเชื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 3 % ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 40 ปี ยื่นขอกู้ได้ถึง 30 ธ.ค.2568
2.มาตรการสินเชื่อซ่อม-แต่ง วงเงินมาตรการ 5,000 ล้านบาท โดย ธอส.สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ลูกค้าเดิมที่ชำระเงินกู้มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีนับตั้งแต่วันทำสัญญาครั้งแรก มีการผ่อนชำระหนี้ดีสม่ำเสมอทุกเดือนไม่น้อยกว่า 1 ปี และมีวงเงินกู้ภายใต้หลักประกันเดิมสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถขอยื่นกู้สินเชื่อเพิ่มได้ เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมอาคาร หรือเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 1% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี วงเงินต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท ยื่นขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังได้ช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1.สินเชื่อบ้านออมสินสบายใจ วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นสินเชื่อสำหรับซื้อหรือปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วงเงินต่อรายสูงสุดไม่เกิน 7 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 2.89% ต่อปี 2.สินเชื่อ Top Up สบายใจสำหรับกู้เพิ่มเติมซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน หรือสิ่งจำเป็นอื่นในการเข้าอยู่อาศัย วงเงินกู้ไม่เกิน 10% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี อยู่ที่ 3.49% ต่อปี ยื่นขอกู้ได้ถึง 31 พ.ค.2568
ที่ประชุม ครม.วันดังกล่าวเห็นชอบโครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยกู้ใช้ดำรงชีพวงเงินรวมไม่เกิน 15,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกินรายละ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อเดือน ระยะเวลาชำระคืนเงินงวดสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ยื่นขอสินเชื่อได้ถึงวันที่ 30 ธ.ค.2568 โดยสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสามารถช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 300,000 ราย.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่