ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท รอบเดือน ส.ค.-ต.ค.63 โดยสรุปโครงการที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว ที่มีความคืบหน้าน้อย การเบิกจ่ายเงินต่ำกว่าแผน รวมทั้งมีโครงการที่ยังไม่เบิกจ่ายเลย เช่น โครงการพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว (เซฟตี้ โซน) ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมีความคืบหน้าน้อยมาก มีการเบิกจ่ายต่ำกว่าแผน ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการเพื่อทำหน้าที่ติดตามการดำเนินงานตามแผนงาน หรือโครงการใช้จ่ายเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน ได้สั่งการให้ไปเร่งทบทวนแผนการดำเนินงาน หากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องขยายเวลาโครงการออก ก็ให้เร่งเสนอเรื่องให้คณะกรรมการฯพิจารณาโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน มีโครงการที่เริ่มทำแล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย 4 โครงการ คือ โครงการพัฒนาศักยภาพของการผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีนและยาชีววัตถุสำหรับโควิด-19 ของประเทศ (เอ 13) ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โครงการพัฒนาเครื่องมือแพทย์ในการป้องกันและการตรวจโรคติดเชื้อโควิด-19 เพื่อการพึ่งพาตนเองและความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศไทย (เอ 14) ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โครงการพัฒนาธุรกิจดินและปุ๋ย (วันสต๊อป เซอร์วิส) ของกรมส่งเสริมการเกษตร และโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ของกรมพัฒนาชุมชน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบมียอดเงินตามแผนการเบิกจ่ายช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค.63 ที่หน่วยงานรับผิดชอบขอไว้ รวม 1,597 ล้านบาท แต่จนถึงสิ้น ต.ค.63 ยังไม่มีการเบิกจ่าย เนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มทำโครงการ และล่าช้าจากขั้นตอนการนำเข้าข้อมูลของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และการตรวจสอบข้อมูลในระบบของ สศช. ทําให้การจัดสรรเงินล่าช้ากว่าแผนงาน จึงมีมติให้เร่งโดยปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงมากที่สุด รวมทั้งติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายเนื่องจากระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินกู้จะสิ้นสุดเดือน ก.ย.64 ซึ่งเป็นการจบงบฯ ปี 64 เท่านั้น.