ทิสโก้แนะวิธีซื้อประกันสุขภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยลดความเสี่ยงก่อนเกษียณ เพื่อความมั่นคงทางการเงินและคุณภาพชีวิต
นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการวางแผนค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงทางการเงินอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงในช่วงหลังเกษียณโดยไม่มีประกันสุขภาพ ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
แม้บางรายจะมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพแล้ว แต่ก็ไม่ได้ศึกษารายละเอียดข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากกรมธรรม์ได้อย่างเต็มที่เมื่อเจ็บป่วยหรือเป็นโรคร้าย อาจส่งผลให้เงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตต้องหมดไปในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนความคิดให้การประกันสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับชีวิต เช่นเดียวกับการลงทุนต้องให้ความสำคัญ และต้องเลือกให้ดี ผู้ซื้อต้องเข้าใจในรายละเอียด
เนื่องจากรายละเอียดที่มีค่อนข้างเยอะ และเป็นภาษาที่เข้าใจยาก ทำให้อาจเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง หรือหลายครั้งก็ไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขและข้อจำกัดของกรมธรรม์อย่างจริงจัง สุดท้ายกรมธรรม์ที่ซื้อไปก็อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง และกว่าจะรู้ตัวก็เกิดโรคร้ายขึ้นแล้ว จากนี้ไปทิสโก้จะใช้ความเชี่ยวชาญของเราช่วยให้คำแนะนำ รณรงค์ให้เห็นความสำคัญตรงนี้อย่างจริงจัง
นายพิชา กล่าวอีกว่า ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพมีมาหลายยุคสมัย จากยุคแรกที่เน้นคุ้มครองชีวิตเพียงอย่างเดียว มาถึงยุคคุ้มครองสุขภาพพ่วงประกันชีวิตแต่จำกัดความคุ้มครองในบางกลุ่มโรค ต่อมาเป็นยุคประกันสุขภาพแบบแยกประเภทค่าใช้จ่าย โดยจำกัดวงเงินในแต่ละรายการ เช่น ค่าห้อง ค่ายา ฯลฯ
หากค่าใช้จ่ายกลุ่มนั้นเกินกว่าที่กรมธรรม์ระบุไว้ผู้ทำประกันก็ต้องจ่ายเพิ่ม จนมาถึงยุคล่าสุดประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เป็นประกันสุขภาพที่ผู้ซื้อไม่ต้องกังวลเรื่องการจำกัดวงเงินค่ารักษา เพราะความคุ้มครองจะครอบคลุมตามวงเงินสูงสุดที่กรมธรรม์กำหนดไว้
นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ข้อมูลที่จะชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนความคิดด้านการเลือกซื้อประกันสุขภาพ สามารถพิจารณาได้จากสถิติขององค์การอนามัยโลกระบุว่าปี 2559 กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของคนทั่วโลกมากกว่า 40.5 ล้านคนต่อปีหรือคิดเป็น 71%*
สำหรับประเทศไทยมีข้อมูลชัดแล้วว่า ขณะนี้โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นสาเหตุ หลักของการเสียชีวิต 75% ของการเสียชีวิตทั้งหมด หรือประมาณ 320,000 คนต่อปีโดยในทุก 1 ชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิต 37 ราย และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะโรคมะเร็ง**
ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลก็ปรับสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่คนไทยส่วนใหญ่ ยังคงมีความคิดว่า อาจจะยังไม่ป่วยเป็นโรคร้ายเหล่านี้ ทั้งที่ในความเป็นจริง กลุ่มโรค NCDs มีโอกาสที่จะเป็นได้ง่ายขึ้นในยุคนี้ ดังนั้น ในฐานะผู้ให้บริการให้คำแนะนำด้านประกันสุขภาพ จึงอยากแนะนำให้คนไทยหันมาเลือก กรมธรรม์ที่จะช่วยคุ้มครองด้านค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเหล่านี้
สำหรับวิธีการเลือกซื้อประกันสุขภาพให้ได้ประโยชน์นั้น ไม่ควรพิจารณาจากค่าเบี้ยประกันเป็นตัวตั้ง แต่ควรพิจารณารายละเอียดอย่างรอบด้าน ประกอบด้วย
1.วงเงินความคุ้มครอง ควรมีความคุ้มครองขั้นต่ำราว 3-5 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง และสามารถรักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำได้ โดยความคุ้มครองนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบ
- แบบเหมาจ่ายต่อปี เป็นแบบประกันที่ค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปหักออกจากวงเงินความคุ้มครองต่อปี เมื่อมีการเบิกเคลมค่ารักษาพยาบาล เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคเดียวกันที่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ระยะเวลารักษานาน
- แบบเหมาจ่ายต่อครั้ง รูปแบบนี้จะกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งในการเข้ารับการรักษา แต่ไม่จำกัดวงเงินต่อปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการปิดความเสี่ยงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยบ่อยครั้ง หรือหลายโรคที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันภายในปีกรมธรรม์เดียวกัน”
2. ค่าห้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ถ้าต้องการให้ครอบคลุมคุณภาพการรักษาพยาบาลระดับโรงพยาบาลเอกชนก็ควรเลือกแผนประกันสุขภาพที่มีค่าห้องผู้ป่วยปกติต่อวันอย่างน้อย 8,000-10,000 บาทขึ้นไป และควรเผื่อในส่วนของการรักษาตัวในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ICU) ด้วย
3. ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสวัสดิการบริษัทจำเป็นต้องมีความคุ้มครองส่วนนี้อย่างยิ่ง
4.ลักษณะสัญญาการต่ออายุความคุ้มครองแบบปีต่อปี ควรเลือกทำประกันที่การันตีการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่าการรักษาจะมีความต่อเนื่องและสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้จนกว่าจะหายเป็นปกติ
5. อายุสูงสุดที่บริษัทจะต่ออายุกรมธรรม์ เพราะหลังเกษียณเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากกว่าก่อนเกษียณ ฉะนั้น จึงแนะนำว่าควรเลือกแบบประกันที่สามารถต่ออายุได้เทียบเท่ากับอายุขัยเฉลี่ยของคนไทย หรือประมาณ 80 ปี เป็นอย่างน้อย
6. การเลือกบริษัทประกัน ควรเลือกบริษัทที่มีประวัติการดำเนินกิจการที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ มีระบบการเคลมสินไหมที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนึ่งที่พบ คือ การซื้อประกันที่ยังไม่ค่อยตอบโจทย์เป้าหมายของตัวเอง บางคนยังขาด หรือบางคนซื้อเกินกว่าความจำเป็น ดังนั้น ลูกค้าสามารถเข้ามารับบริการที่ปรึกษาประกันสุขภาพได้ที่สาขาธนาคารทิสโก้ทั่วประเทศ
โดยจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญช่วยวิเคราะห์กลั่นกรองผลิตภัณฑ์ประกันที่ดีที่สุด ในแต่ละประเภทจากบริษัทประกันชั้นนำมานำเสนอให้กับลูกค้าได้อย่างไม่จำกัดค่าย (Open Architecture) ด้วยคำแนะนำแบบเฉพาะเจาะจงตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละราย เพราะลูกค้ามีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน จึงควรมีสิทธิเลือกสิ่งที่คุ้มค่าให้กับตัวเองมากที่สุดตั้งแต่แรก
* (ที่มา: www.who.int, 2563)
** (กระทรวงสาธารณสุข, 2563)