นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากเปิดตลาดที่ 31.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และระหว่างวันขึ้นไปแตะ 31.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 8 เดือน นับจากเดือน พ.ค.61 โดยมีปัจจัยหลักมาจากกระแสเงินทุนยังไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องมาหลายวัน
ขณะที่มูลค่าซื้อขายเงินบาทในตลาดไม่หนาแน่น ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่ารวดเร็ว อีกทั้งแข็งค่ามากกว่าค่าเงินในภูมิภาค
ด้านนายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าถึงระดับ 31.30-31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงหลังสงกรานต์ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าสุดวันที่ 19 เม.ย. มีเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว เพราะนักลงทุนจะโยกเงิน
จากตลาดสหรัฐฯที่ยังมีปัญหาชัตดาวน์ ขณะที่อังกฤษยังไม่มีทางออกเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ดังนั้น กระแสเงินจะโยกเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับ 9 รองจากสวีเดน ว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังไม่เร่งตัวขึ้นมาก ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุล และดอกเบี้ยที่แท้จริงยังเป็นบวก
“ธนาคารกสิกรไทยได้ปรับเป้าหมายเงินบาทสิ้นปีนี้ใหม่อยู่ที่ 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิม 34.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดจะปรับขึ้นเพียง 1 ครั้งในช่วงปลายปี หากการเลือกตั้งในประเทศมีความชัดเจนและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศปรับตัวสูงขึ้น และ อัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นตามด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดที่ 1,577.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.41 จุด มูลค่าซื้อขาย 50,218.66 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 1,842.85 ล้านบาท สถาบันขายสุทธิ 4,247.96 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 339.32 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 2,065.79 ล้านบาท.