เศรษฐกิจไทย พ้นพงหนาม4 เครื่องยนต์ติดครบ ดัน GDP โตเกิน 3% เลือกตั้งสหรัฐ - สงคราม สร้างความผันผวน

Money

Banking & Bond

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐกิจไทย พ้นพงหนาม4 เครื่องยนต์ติดครบ ดัน GDP โตเกิน 3% เลือกตั้งสหรัฐ - สงคราม สร้างความผันผวน

Date Time: 28 ต.ค. 2567 12:39 น.

Video

“ไทยรัฐ โลจิสติคส์” ถอดคราบ “ยักษ์เขียว” มุ่งสู่ขนส่งครบวงจร | Thairath Money Talk

Summary

  • ธนาคารกรุงเทพ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนด้วยการเติบโตของ GDP ประมาณ 3% โดยมีแรงหนุนจากการลงทุนต่างชาติ การลงทุนภาครัฐ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการเติบโตของภาคเอกชน ขณะที่ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เศรษฐกิจจีนที่เปราะบาง และภาวะสงครามที่เพิ่มขึ้น คาดพอร์ตสินเชื่อปีหน้าเติบโต 3-4% โดยเน้นสนับสนุนธุรกิจในไทย การขยายตัวในอินโดนีเซีย และการพัฒนาเวอร์ชวลแบงก์

Latest


กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ เลขานุการบริษัทและกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มองว่า “พ้นพงหนาม” เครื่องยนต์ที่ช่วยขับเคลื่อนทั้ง 4 เครื่อง กลับมาทำงานอีกครั้ง โดยการเติบโตของจีดีพีปีหน้า มองว่าจะประมาณ 3% ในขณะเดียวกันปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาจะมีอยู่ 3 เรื่อง

“เศรษฐกิจไทยปี 2568 ผมเบาใจขึ้น ต้องบอกว่าเรา “พ้นพงหนาม” จากเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยทั้ง 4 ตัวกลับมาติดทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้การเติบโตของ GDP จะอยู่ในประมาณ 3% บวกลบ”

ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต จะมาจากหลายส่วน ทั้งเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐเริ่มเดินหน้า การลงทุนภาคเอกชนกลับมาอีกครั้ง ส่วนการท่องเที่ยวคาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับไปเหมือนกับช่วงก่อน Covid ที่เดินทางเข้ามามากกว่า 4 ล้านคน

เลือกตั้ง สงคราม  เป็นความเสี่ยง 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามี 3 เรื่อง 1 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ที่จะสร้างแรงกระเพื่อมที่สำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลก 2 ภาวะเศรษฐกิจจีนที่น่าห่วงมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาหนี้สินที่น่ากังวลมากขึ้นเรื่อยๆ และ 3 ภาวะสงครามที่ขยายตัวขึ้นในทั่วโลก

ส่วนปัจจัยหนี้ครัวเรือนในเมืองไทย ยังยอมรับว่า เป็นหนึ่งปัญหาที่น่าห่วงมาก เราไม่ค่อยเห็นสัญญาณ ในประวัติศาสตร์เราไม่ค่อยเห็นการเกิดหนี้จัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan: SM) ในกลุ่มรถยนต์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% สะท้อนถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น

หนี้ครั้งเรือนต้องใช้เวลา 

ซึ่งในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ที่ 0.25% เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการผ่อนเบรก ทั้งนี้ผลของการลดดอกเบี้ยจะส่งต่อไปยังภาคเศรษฐกิจและผ่อนปรนปัญหาลูกหนี้ได้อาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือน ดังนั้นในระหว่างนี้เราจะได้ข่าวของปัญหาหนี้ครัวเรือนไปอีกระยะหนึ่ง

พอร์ตสินเชื่อโตต่อเนื่อง 

อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพ ยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อในปี 2568 จะเติบโตประมาณ 3-4% ตามทิศทางของเศรษฐกิจไทย โดยการเติบโตหลักจะมาจากภาคเอกชนไทยที่ยังต้องการสินเชื่อในการลงทุน โดยเฉพาะการอัพเกรดเทคโนโลยีในภาคธุรกิจที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปยังธุรกิจสีเขียวมากขึ้น และการสนับสนุนลูกค้าในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

ส่วนการเติบโตในต่างประเทศ มองว่ายังเติบโตได้ดีมาก โดยเฉพาะธนาคารเพอร์มาตาเป็นบริษัทย่อยของธนาคารกรุงเทพ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีการเติบโตได้ดี มีพอร์ตสินเชื่อเติบโตในช่วงที่ผ่านมามากกว่า 10%

ซึ่งทิศทางของการเติบโตในอินโดนีเซีย ยังมีอีกเยอะมาก ทั้งการลงทุนภาครัฐที่มีต่อเนื่อง จากการต้องการขยายโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐาน และภาคเอกชนยังเดินหน้าลงทุนอีก

สำหรับความชัดเจนในเวอร์ชวลแบงก์ ประเมินว่า ธนาคารมีความมั่นใจว่าจะได้รับไลเซ่น โดยมองว่าธนาคารมีความพร้อมที่จะเข้าทำธุรกิจ ทั้งการมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ทั้งนี้ และเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคารในอนาคต

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ