กระทบรายได้แน่นอน!! กว่า 9 พันล้านในปีนี้ แบงก์พาณิชย์รายใหญ่ ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม ทำธุรกรรมผ่านเน็ต วิจัยกสิกร ชี้เจ็บแค่ระยะสั้น ยังมีรายได้จากส่วนอื่น พร้อมฐานลูกค้าใหม่เข้ามาเป็นความได้เปรียบ...
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึง ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการให้บริการการโอนและชำระค่าบริการต่างๆ ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการโมบายแอปพลิเคชัน และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ว่า จะกระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารในระบบทั้งหมดที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่ยกเลิกไปเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีสัดส่วนมากที่สุด เพราะแต่ละธนาคารมีจำนวนฐานลูกค้าที่ใช้บริการอยู่มาก แต่ในอีกแง่หนึ่งจะเห็นปริมาณการทำธุรกรรมผ่านช่องทางโมบายและอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ทำให้ลูกค้าหันมาใช้ช่องทางทั้งสองเพิ่มขึ้น แทนการใช้บริการผ่านตู้เอทีเอ็มและสาขา
อย่างไรก็ตามแม้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ จะหันมาลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย แต่ไม่สามารถที่จะชดเชยผลกระทบจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไปได้ แต่จะต้องมีการบริหารและหารายได้จากบริการอื่นเพิ่มมากขึ้น และลดต้นทุนบริหารเงินสดที่อยู่ในระดับสูงให้ลดลง โดยที่ต้นทุนการบริหารเงินสดเฉลี่ยทั้งระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ในแง่ของการพัฒนาการบริหารต่างๆ โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อทำให้ธนาคารสามารถลดต้นทุนลงและปรับตัวได้ในสังคมยุคใหม่
ส่วนภารกิจของสมาคมธนาคารไทย ยังคงให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน, ดิจิทัล ไอดี, KYC และการพัฒนาประสิทธิภาพระบบพร้อมเพย์ให้มีความเสถียรภาพเพิ่มขึ้น และส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีร่วมกับภาครัฐ พร้อมการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการออมเงินและธุรกรรมการเงิน
ขณะที่ น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ชำระบิลค่าสินค้า/บริการ รวมทั้งการเติมเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง จะกระทบรายได้ค่าธรรมเนียมดังกล่าวของระบบธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ราว 9,000 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมในปีนี้อาจจะเติบโตเพียง 2-3% ซึ่งลดลงค่อนข้างมาก จากในปีก่อนรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตถึง 7%
ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เพราะธนาคารพาณิชย์ยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากส่วนอื่นๆ เช่น ค่านายหน้า, บัตรเครดิต, การปริวรรตเงินตรา และคัสโตเดียน เป็นต้น ในระยะยาวจะทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาใช้บริการในระบบอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้งมากขึ้น ซึ่งฐานข้อมูลลูกค้ารายใหม่ถือเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างความได้เปรียบให้แก่แต่ละธนาคารที่สามารถนำไปใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เหมาะสม และตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะราย หรือเฉพาะกลุ่มได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะย้อนกลับมาเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมในส่วนอื่นๆ เช่น รายรับจากสินเชื่อ เป็นต้น.