บลจ.บัวหลวง ประเมิน เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ได้รับการสนับสนุนจากการลงทุน การบริโภค รวมถึงบริการ ที่จะมีขึ้นอีกในอนาคต
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า เรามองว่า เศรษฐกิจในประเทศอาเซียน มีศักยภาพที่จะเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งระดับการบริโภคทั้งสินค้าและบริการหลายชนิดยังนับว่าค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว จึงมีโอกาสที่เราจะได้เห็นความเจริญรุดหน้ามากขึ้นในหลายๆ ด้านในอนาคตข้างหน้า
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม ต่างก็มีบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพ ขณะที่ สิงคโปร์ เอง แม้เศรษฐกิจจะไม่ได้ขยายตัวรวดเร็วเหมือนประเทศอื่นในอาเซียน แต่ก็มีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่มีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก จนขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ ที่มีการขยายตัวสูงได้
นอกจากนี้ ความโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน ยังประกอบไปด้วยการมีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน และส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน ทำให้เศรษฐกิจของอาเซียนนั้นถือว่ามีขนาดใหญ่ทัดเทียมกับหลายๆ ประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก
ทั้งนี้ ตามรายงานของ IHS Global Insight ระบุว่า จีดีพีของอาเซียนจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่ 4.6% ทำให้ขนาดเศรษฐกิจของอาเซียนจะอยู่ที่ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2017 ซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าประเทศอินเดีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประเทศพัฒนาแล้วอย่าง อังกฤษ (2.4 ล้านล้านดอลลาร์) หรือ ฝรั่งเศส (2.3 ล้านล้านดอลลาร์) เป็นต้น
นายพีรพงศ์ กล่าวอีกว่า ลำพังการเข้าไปลงทุนในประเทศ ที่มีเศรษฐกิจขยายตัวสูงนั้น ยังไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะทำให้เกิดความสำเร็จในการลงทุน แต่กองทุนบัวหลวงยังมีทีมงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความเข้าถึง กับตลาดหุ้นอาเซียนโดยเฉพาะ ซึ่งเราได้ส่งทีมของเราไปศึกษา และเฟ้นหาหุ้นในแต่ละประเทศอาเซียนแบบลงถึงพื้นที่จริง มาเป็นเวลากว่า 3 ปี
ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นของภูมิภาคอาเซียน บลจ.บัวหลวง ได้ออกแบบกองทุน B-ASEANRMF เพื่อตอบโจทย์การลงทุนแบบผสมผสาน และรับสิทธิทางภาษี หรือ ออมเงินเพื่อยามเกษียณแล้ว B-ASEANRMF ยังเหมาะสำหรับผู้ต้องการกระจายความเสี่ยง ผสมผสานการลงทุนไปยังต่างประเทศ แต่ต้องยอมรับที่จะเผชิญความผันผวน หรือความเสี่ยงของตลาดอาเซียนได้ด้วย โดยเล็งไปที่ผลของการลงทุนในระยะยาวเป็นสำคัญ โดยกองทุนดังกล่าวเสนอขายครั้งแรกแก่ผู้ลงทุน ระหว่างวันที่ 25-31 พ.ค.นี้ มูลค่าเสนอขายขั้นต่ำเพียง 500 บาท