AOT จ่อคืนเงิน 193 ล้านบาท ให้ คิง เพาเวอร์ฯ หลังเรียกคืนพื้นที่ขยายอาคารฯ รับนักท่องเที่ยวเพิ่ม

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

AOT จ่อคืนเงิน 193 ล้านบาท ให้ คิง เพาเวอร์ฯ หลังเรียกคืนพื้นที่ขยายอาคารฯ รับนักท่องเที่ยวเพิ่ม

Date Time: 22 พ.ย. 2567 10:43 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • “ท่าอากาศยานไทย” หรือหุ้น AOT ประกาศคืนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจำนวน 193 ล้านบาทให้กับ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” หลังจากขอคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อใช้ในโครงการขยายอาคารผู้โดยสาร ด้านโบรกฯ มีมุมมองระยะยาวเชิงบวก ชี้การขยายอาคารเพื่อรองรับผู้โดยสารมากขึ้น สอดรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต

Latest


“ท่าอากาศยานไทย” หรือหุ้น AOT ประกาศคืนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจำนวน 193 ล้านบาทให้กับ “คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ” หลังจากขอคืนพื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อใช้ในโครงการขยายอาคารผู้โดยสาร ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า การขยายความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจะส่งผลบวกในระยะยาว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น AOT แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) จะดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยจะมีพื้นที่ก่อสร้างบางส่วนอยู่บริเวณสวนหย่อมภายนอกอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออก (Food Stop (City Garden เดิม)) ชั้น 2 ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวบางส่วน บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) ได้รับสิทธิในการประกอบกิจการบริหารจัดการพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์สำหรับร้านค้าย่อยหรือบริการต่าง ๆ โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 - 31 มีนาคม 2576 นั้น

ด้วยเหตุดังกล่าว ทอท.จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์บางส่วนบริเวณดังกล่าวจาก KPS โดยทอท.ได้มีหนังสือแจ้ง และ KPS ได้ส่งมอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวคืนให้แก่ทอท. ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ KPS มีความประสงค์ขอให้ทอท.จัดสรรพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารภายในประเทศซึ่งมีขนาดพื้นที่เท่ากับขนาดพื้นที่ Food Stop เดิมให้กับ KPS เพื่อประกอบกิจการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้โดยสารและผู้มาใช้บริการต่อไป อย่างไรก็ตาม ทอท.ไม่สามารถจัดสรรพื้นที่ที่มีขนาดเท่ากับพื้นที่ที่ทอท.ขอคืนให้กับ KPS เพื่อเป็นการทดแทนได้ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีพื้นที่เหลือที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ

ในการประชุมคณะกรรมการทอท. ครั้งที่ 14/2567 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมคณะกรรมการทอท. ชั้น 7 อาคารสำนักงานใหญ่ทอท. ที่ประชุมจึงมีมติอนุมัติให้ทอท.ขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการฯ ของ KPS ณ ทสภ. จำนวนรวมประมาณ 1,257,560 ตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 4.97 ของพื้นที่ประกอบกิจการทั้งหมดของ KPS ณ ทสภ. (จำนวน 25,307,260 ตารางเมตร) โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

เพื่อให้ทอท.นำมาใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ณ ทสภ. ซึ่งการขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการฯ ดังกล่าว ทอท.จะต้องคืนค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของปีสัญญาที่ 2 (1 เมษายน 2566 – 31 มีนาคม 2567) ที่ KPS ได้ชำระให้แก่ทอท.ไว้แล้วให้แก่ KPS ตามจำนวนพื้นที่ประกอบกิจการฯ ที่ลดลง นับตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา เป็นจำนวนเงินประมาณ 193.08 ล้านบาท

โดย KPS ตกลงที่จะไม่เรียกร้องค่าเสียหาย ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายใด ๆ จากการที่ทอท.ชำระคืนค่าผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าว ทั้งนี้ การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการฯ จาก KPS ดังกล่าว จะทำให้ทอท.มีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ประกอบกิจการฯ ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ทสภ. ลดลงเป็นจำนวนเงินเดือนละประมาณ 591,000.- บาท และค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นในบทวิเคราะห์ว่า ยังมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาว เมื่อมองไปข้างหน้าคาดว่า AOT จะเติบโตต่อได้ในงวดไตรมาส 1/68 (ตุลาคม-ธันวาคม 2567) ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยได้แรงหนุนจากฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทย

แนวโน้มระยะยาวของบริษัทจะได้รับการหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยในระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 88% ของระดับก่อนโควิด ดังนั้น จึงยังมีโอกาสเติบโตสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ AOT จะขยายอาคารผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยขยายฝั่งตะวันออกเพื่อเพิ่มความจุผู้โดยสารได้ 15 ล้านคน/ปี และมีแผนขยายอาคารผู้โดยสารสายใต้เพื่อรองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคน/ปี นอกจากนี้บริษัทจะพัฒนาดอนเมืองระยะที่ 3 เพื่อรองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคน/ปีในอนาคต

ปัจจุบันคงประมาณการกำไรสุทธิในงวดปี 2567 ไว้ที่ 2.05 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิในงวดปี 2568 ที่ 2.42 หมื่นล้านบาท คงคำแนะนำ Outperform ด้วยราคาเป้าหมายที่ 72.00 บาท

 

อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ