บล.KTBST คาด หุ้นไทย เผชิญปัจจัยกดดันจากต่างประเทศลดลง แต่แรงเทขายยังมีต่อเนื่อง พร้อมแนะจับตาตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 1 ของไทย ยุโรป และญี่ปุ่น ในสัปดาห์นี้
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST กล่าวว่า จากการประเมินทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งยังคงทรงตัว หลังขาดปัจจัยหนุนต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย.59 ความกังวลต่อการปลดผู้อำนวยการ FBI ยังมีอยู่ ส่วนการรายงานผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นนั้น เป็นปัจจัยเฉพาะตลาด
ขณะที่ นักลงทุนกำลังซึมซับต่อโอกาสที่ เฟด (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ใน 14 มิ.ย.นี้ ส่วนตลาดหุ้นยุโรป นายเอมมานูเอล มาครง ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการแล้ว ได้ลดความเสี่ยงของตลาดลงไประดับหนึ่ง
ทั้งนี้ การทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ได้รับการประณามจากญี่ปุ่น แต่สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีคาดว่าจะเป็นแค่การอึมครึม โอกาสที่จะมีการเจรจาสูงกว่าที่จะมีการใช้กำลังทางทหาร
สำหรับการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ นั้นเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง เบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันสหรัฐฯ รายงานการใช้แท่นผลิตเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 17 อย่างไรก็ตาม ตลาดหันมาให้ความสนใจกับการยืดเวลาการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ออกไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะทราบผลอย่างเป็นทางการ 25 พ.ค.นี้ ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น คาดจะยังมีกรอบจำกัด เพราะปัญหาด้านอุปทาน (supply) ยังมีอยู่ จึงเป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี เพียงเล็กน้อย
ดร.วิน กล่าวอีกว่า ตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากต่างประเทศมาค่อนข้างมาก หากยังไม่มีตัวแปรใหม่ๆ เช่น การออกกฎหมายด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หรือตัวเลขเศรษฐกิจ (สหรัฐฯ-ยุโรป) ที่ออกมาดี คาดตลาดหุ้นทั้งสองโซน หรือแม้กระทั่งตลาดอื่นๆ จะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ การปรับพอร์ตเพื่อรับดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังมีน้อย เพราะเม็ดเงินเข้าตลาดเอเชียยังมีอยู่ ยกเว้นไทย และเงินยังไม่ได้ไหลออกจากตลาดพันธบัตรอย่างจริงจัง
สำหรับ สัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่นักลงทุนจะให้ความสนใจ จะเป็นตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของ 3 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย (15 พ.ค. คาด 3.1% YoY) กลุ่มอียู (16 พ.ค. คาด 1.7% YoY และ ญี่ปุ่น (18 พ.ค. คาด 1.8% QoQ)
ดร.วิน กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศ เข้าสู่ช่วงสองวันสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวด้วยเรื่องของผลกำไรกันมากในช่วงต้นสัปดาห์ ที่เราสังเกตเห็นได้คือ หุ้นส่วนใหญ่จะปรับตัวลงหลังส่งงบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันในสัปดาห์นี้
"ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ ด้วยแรงขายที่เกิดขึ้นเฉพาะตลาดหุ้นไทย และเป็นการเลือกขายหุ้นบางตัว คาดจะกดดันตลาดหุ้นไปจนกว่าจะเบาบางลง แต่สำหรับวันนี้ จากปัจจัยต่างประเทศ และยังไม่มีข่าวในเชิงบวกของไทยเองเข้ามาในตลาด จึงคาดว่าดัชนีฯ มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงจากวันก่อน ในกลยุทธ์การลงทุน จากแรงขายและทิศทางที่ไม่ชัดเจนนัก ยังแนะนำให้ชะลอการลงทุน และอาจเลือกที่จะลดพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยง หรือถือเงินสดรอซื้อหุ้นรอบใหม่กันต่อ”
สำหรับ นักเก็งกำไรช่วงสั้น ควรเล่นแบบ ลงซื้อ ขึ้นขาย จนกว่าตลาดจะมีทิศทางที่ดีกว่านี้ โดยหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ INTUCH, SAWAD,CPALL, LPH, BH, HANA