ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ส.ค.58 ปิดที่ 1,436.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.20 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 37,192.16 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขาย ASEFA ปิดที่ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท, PTT ปิดที่ 319.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท, KBANK ปิดที่ 177.50 บาท ลดลง 2.50 บาท, ADVANC ปิดที่ 244.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ CPALL ปิดที่ 48.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดหุ้นไทยมีโอกาสบวกได้ต่อ หลังดัชนีร่วงเร็วและแรงช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6ด้าน แค่ถูกเลื่อนออกไป ฉะนั้นยังมีความหวังว่าจะเป็นปัจจัยบวกเข้ามาหนุนการลงทุนในช่วงสั้น ส่วนราคาน้ำมันโลกยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง
แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ถือหุ้นต่อ เพราะยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ แต่อยู่ในกรอบจำกัด ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,435 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,445 จุด
ปิดท้าย “คมศร ประกอบผล” หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บลจ.ทิสโก้ เผยว่า ฝ่ายวิจัยยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ไว้ที่ 1,600 จุด เนื่องจากเชื่อว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ และ มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ยังคงประมาณการการเติบโตของจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3%
อย่างไรก็ตาม แนะให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งให้เลี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง
ส่วนหุ้นกลุ่มที่ยังมีความน่าสนใจในการลงทุนคือ หุ้นกลุ่มสื่อสารที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดประมูลคลื่น 4G และ กลุ่มท่องเที่ยวที่ยังมีทิศทางการเติบโตได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ประเมินในภาพรวมว่า ตลาดหุ้นไทยด้านมูลค่าตลาดยังน่าสนใจ หลังตลาดปรับตัวลงมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำหรือถือว่าถูก แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนยังมีโอกาสปรับตัวลง เพราะ 2 กลุ่มใหญ่ฉุดกำไรโดยรวมของตลาดลงจากปัจจุบันใกล้ระดับ10%
สำหรับการลงทุนในครึ่งปีหลังยังคงแนะนำให้กระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตลาดหุ้นไทย ที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยตลาดหุ้นที่แนะนำให้กระจายการลงทุนได้แก่ตลาดหุ้น จีน เยอรมัน และ ญี่ปุ่น!!
อินเด็กซ์ 51