เอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายลูกค้าธนบดี บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ประเมินว่า จากประเด็นที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์ของเศรษฐกิจไทยนั้น มองว่า ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพและมีความหวังมากขึ้น โดยเฉพาะ Entertainment Complex ที่มองว่าจะเป็น New S-Curve ของเศรษฐกิจประเทศ
“การเปิดเผยทิศทางของเศรษฐกิจไทยในรอบนี้ทำให้ตลาดหุ้นมีความหวัง โดยเฉพาะ Entertainment Complex ซึ่งรัฐบาลจริงจังในการขับเคลื่อนเรื่องนี้มาก และหากเกิดขึ้นจริงจะช่วยสร้างการเติบโตรอบใหม่ได้”
ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวอยู่แล้ว การมี Entertainment Complex จะช่วยดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนให้เข้ามามากขึ้นไปอีก ซึ่งในหลายประเทศก็พบว่า พอมี Entertainment Complex เกิดขึ้นช่วยสร้างเม็ดเงินที่มากกว่าการท่องเที่ยวปกติ ซึ่งหากทำได้จะเป็นการนำจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของเราให้แข็งแกร่งขึ้น
ส่วนนโยบายด้วยการนำ LTF กลับมานั้น ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะสร้างเม็ดเงินในตลาดหุ้น แต่ต้องดูว่านโยบายนี้จะขับเคลื่อนอย่างไร เพราะในขณะนี้มีกองทุน ThaiESG อยู่ซึ่งอาจจะทับซ้อนกัน ต้องดูว่าหลังจากนี้การปรับนโยบายเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
สำหรับภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในเวลานี้ มองว่า ที่ผ่านมาเราปรับตัวลดลงไปมาก และเวลานี้เริ่มนิ่งมากขึ้น หุ้นหลายตัวเริ่มเดินได้ ซึ่งแม้ว่านโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ อาจต้องใช้เวลา แต่อยากให้นักลงทุนนำหุ้นไทยให้กลับมาอยู่ในเรดาร์ของการลงทุนอีกครั้ง
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า ลุ้น ‘Chat with Tony’ เรียกความเชื่อมั่น ตลาดหุ้นไทย เผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรูปแบบ ประกอบไปด้วยการสนับสนุนธุรกิจใหม่เช่น Data center, AI, Biotech และ Digital Asset พร้อมกันกับการเน้นย้ำเจตจำนงของรัฐบาลในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเปิดให้เช่าทรัพย์สินรัฐระยะยาว 99 ปี, การสร้างบ้านบนที่ดินของการรถไฟฯ, โครงการถมทะเล และการเปิดให้ลงทุนใน Digital Complex ที่คาดมีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 5 แสนล้านบาท อดีตนายกทักษิณยังได้กล่าวถึงมุมมองต่อมาตรการเรียกความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทยผ่านการยกระดับธรรมาภิบาล
เช่นการออก พ.ร.ก. เพื่อให้อำนาจ ก.ล.ต. สามารถเฝ้าสังเกตและลงโทษผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการซื้อหุ้นคืนของบริษัทที่ PBV ต่ำ และเผยแนวทางศึกษาการนำกองทุน LTF กลับมาใช้อีกครั้ง เก็งกำไรหุ้นที่ได้คาดได้ Sentiment เชิงบวกงานสัมมนาวานนี้ประเมินกลุ่มธุรกิจมีแนวโน้มตอบรับเชิงบวกจากงานสัมมนาวานนี้ได้แก่ (1) Data Center +AI (2) Stem Cell + ยา (3) Entertainment Complex (4) โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย (5) ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ที่ 1350 จุด ไม่แพง ภายนอกผ่อนคลาย ภายในเชื่อมั่นขึ้น ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน มี 4 ส่วนหลักหนุนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นจาก 1350 จุดได้ 1. ได้รับความเชื่อมั่นจากปัจจัยภายนอกที่ผ่อนคลายมากขึ้น จาก โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสทยอยตั้งภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่มีการรีบาวน์ขึ้นมาบาง 2. ได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น จากทักษิณ ให้มุมมองทิศทางเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย ในงาน CHAT WITH TONY 3. ในเชิงเทคนิค ณ SET 1,350 จุด เป็นแนวรับสำคัญ เนื่องจากแม้ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงมาต่อเนื่อง แต่เริ่มเข้าใกล้ และทดสอบแนวรับสำคัญ หรือจุดต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 1349 จุด
4. ในมุม VALUATION ณ 1350 จุด ถือว่าถูกมาก อิงกรอบ EPS68F ที่ 85 – 89 บาท/หุ้น จะมี MARKET EARNING YIELD GAP EX DELTA ในกรอบ 4.6% - 4.9% หรือคิดเป็น P/E ที่ 13.9 – 14.6 เท่า ขณะเดียวกันหุ้นขนาดใหญ่ อย่างในดัชนี SET100 มีหลายบริษัทถูกมาก โดยมี P/BV ไม่เกิน 1 เท่า ถึง 39 บริษัท
กลยุทธ์ระยะกลางยาว แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี P/BV ไม่เกิน 1 เท่า อย่าง PTTGC, RCL, SCC, BBL, AP, SIRI, KBANK, KTB, BJC, SJWD, PTT, SCB, TU, SCGP เป็นต้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่