เกาะติดสถานการณ์ค่าเงินบาทหลังอ่อนค่าเร็วและแรงตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 นี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ประเมินว่ามีโอกาสอ่อนค่าแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ชี้เป็นสัญญาณเสี่ยงเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนมองหาหุ้นพื้นฐานดีที่อาจได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่มากนัก
วทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นกับ “Thairath Money” ว่า ทิศทางค่าเงินบาทในปีนี้มีโอกาสอ่อนค่าหลุด 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ คาดเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งต้องติดตามปัจจัยหลัก โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยจำนวนกี่ครั้งในปี 2568 หากยังคงดำเนินนโยบายปรับลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี 2568 อาจเห็นการอ่อนค่าของเงินบาทต่อเนื่อง ทั้งนี้ก็คงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะรายงานหลังจากนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน ต้องติดตามสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับนานาประเทศ ว่านโยบายภาษีจะเข้มงวดมากเพียงใด หากเข้มงวดมากก็อาจกดดันการค้าโลก และกระทบกับการส่งออกไทยให้มีผลต่อเงินบาททางอ่อนค่า
สำหรับเงินบาทต้นปี 2568 ที่อ่อนค่าเร็วและแรง มองว่าปัจจัยกดดันหลักๆ เกิดจากการแข็งค่าของ Dollar Index เป็นเพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่รายงานมาแล้วดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ประกอบกับเงินเฟ้อเริ่มไม่ลดลง ทำให้ CME FED Watch คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะลดลงเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ประกอบกับไทยจะเริ่มหมดช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวกดดันค่าเงินบาท
เมื่อถามว่าทิศทางกระแสเงินลงทุนต่างชาติจะยังไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อหรือไม่ มุมมองคือไม่น่าจะเห็นการกลับมาซื้ออย่างมีนัยยะ หากไม่มีสัญญาณลดดอกเบี้ยของเฟดที่มากกว่า 1 ครั้ง หรือต่อให้เฟดลดดอกเบี้ย ก็คงเป็นลักษณะกลับมาเก็งกำไรระยะสั้นๆ มากกว่าจะซื้อเป็นแนวโน้ม
ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย เป็นเพราะโครงสร้างตลาดหุ้นไทยที่ไม่น่าสนใจในระยะยาว โดยเฉพาะการที่มีแต่อุตสาหกรรมเก่าๆ (พลังงาน, ธนาคาร, ค้าปลีก) ต่างกับประเทศฝั่งพัฒนาแล้วที่ประกอบไปด้วยกลุ่มเทคโนโลยี ที่กำลังเป็นที่ต้องการของโลก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนมองหาหุ้นพื้นฐานดี ที่อาจได้ประโยชน์เล็กน้อยจากบาทอ่อนค่า เช่น หุ้นกลุ่มส่งออก อย่าง ITC ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่น่าสนใจได้แก่ธนาคาร ได้แก่ BBL และ KTB ผลจาก Valuation น่าสนใจ และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ปรับลงไม่มาก
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้