จับตา LTF ไถ่ถอนปี 68 รอกดดันตลาดกว่า 6.8 หมื่นล้าน โบรกฯ เชื่อ ยังไม่รีบเทขาย เพราะติด “ดอย”
Date Time: 2 ม.ค. 2568 13:38 น.
“Summary“
- จับตาการไถ่ถอนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ครบกำหนดปี 2568 หากเกิดแรงเทขายหวั่นกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย โบรกฯ ชี้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดัชนีระดับ 1,642 จุด ซึ่งสูงกว่าดัชนีปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนที่ซื้อในช่วงปีดังกล่าว อาจรอให้ตลาดปรับตัวขึ้นก่อน แล้วจึงหาจังหวะขายในช่วงปลายปี
Latest
จับตาการไถ่ถอนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ครบกำหนดปี 2568 หากเกิดแรงเทขายหวั่นกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ฯ ระบุว่า กองทุน LTF ที่ครบกำหนดปีนี้ มูลค่าราว 6.8 หมื่นล้านบาท มีต้นทุนเฉลี่ยที่ดัชนีระดับ 1,642 จุด ซึ่งสูงกว่าดัชนีปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนที่ซื้อในช่วงปีดังกล่าว อาจรอให้ตลาดปรับตัวขึ้นก่อน แล้วจึงหาจังหวะขายในช่วงปลายปี
สำหรับตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 ม.ค.68) เปิดทำการเป็นวันแรกของปี 2568 ปิดตลาดช่วงเช้าดัชนีอยู่ที่ 1,381.25 จุด ลดลง 18.96 จุด หรือ -1.35%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ ติดตามการไถ่ถอนกองทุน LTF ครบกำหนด ทั้งนี้ ประเมินกองทุน LTF ในปี 2563 ที่จะเริ่มขายได้ในปี 2568 ประเมินยอดซื้อในปีนั้นราวๆ 6.8 หมื่นล้านบาท ต้นทุนเฉลี่ยที่ดัชนี SET Index ระดับ 1,642 จุด (คิดจากราคา Mid price และยอดซื้อ LTF ในแต่ละเดือน)
ดังนั้น หากประเมินจากระดับดัชนีปัจจุบัน เราคาดว่าแรงขายจะมีน้อยในช่วงเดือนมกราคม เนื่องจากนักลงทุนที่ลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผลขาดทุนอยู่ และมีโอกาสที่นักลงทุนจะรอไปขายในช่วงปลายปีมากกว่า หรือรอให้ขาดทุนน้อยลง และรอขายออกมาเพื่อสลับไปซื้อกอง Thai ESG เพื่อลดหย่อนภาษี
ส่วนหากประเมินจากค่าเฉลี่ยย้อนหลังพบว่าแรงขาย LTF ส่วนใหญ่ จะขายหนักในเดือนมกราคม และค่อยๆ ขายในเดือนที่เหลือ โดยค่าเฉลี่ย 3 ปี ของปี 2560-2563 แรงขาย LTF ในเดือนมกราคม ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท และทั้งปีเฉลี่ย 4.7 หมื่นล้านบาท
ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ในส่วนของเม็ดเงินที่จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาดหุ้น ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนในส่วนของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนนักลงทุนสถาบันอาจต้องติดตามการไถ่ถอน LTF
ภายใต้สภาพแวดล้อมทางปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว ประเมินว่าภาพของตลาดหุ้นในปี 2568 อาจยังดูไม่สดใสเท่าที่ควร เชิงกลยุทธ์ควรสำรองเงินสดในพอร์ตไว้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม มุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2568 ถูกคาดหมายว่าจะเติบโต 2.7-3% โดยยังอยู่ภายใต้หลายสถานการณ์ท้าทาย ตั้งแต่ภาวะสงครามการค้า, การเมืองในประเทศที่ร้อนแรงขึ้น, พื้นที่การใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่จำกัด และนโยบายการเงินที่ยังไม่ผ่อนคลาย ในส่วนของตลาดหุ้นถูกคาดหมายว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) จะเติบโตได้มากกว่า 10% (DOUBLE DIGIT GROWTH) แต่ในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงต่อการปรับลดคาดการณ์อยู่บ้าง
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney
Author
